ส.อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยหนุน"แจกเงินดิจิทัล 10000" กระตุ้นศก.

19 ต.ค. 2566 | 22:18 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ต.ค. 2566 | 22:18 น.

ส.อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยหนุน"แจกเงินดิจิทัล 10000" กระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อป็นการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศได้อย่างดี วอนรัฐเร่งทำ FTA มากขึ้น สร้างโอกาสส่งออกสินค้าไทยไปต่างประเทศ

นายยศธน กิจกุศล นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลขับเคลื่อนโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น เป็นการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศได้อย่างดี โดยเฉพาะบุคลากรที่เกี่ยวของกับอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม 

และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมีกว่าล้านคน น่าจะใช้เงินนี้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น เช่น เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ค่าเดินทาง หรือสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต อีกทั้งเงินดิจิทัลไม่ใช่แจกเป็นเงินสด ที่จะสามารถเอาไปซื้ออะไรที่ไม่ผิดกฎหมายได้ 

“หากมีเงินดิจิทัลเข้ามาในระบบแล้ว สมาคมฯก็จะให้ความรู้แก่บุคลากรในการใช้เงินดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนในประเทศให้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนประเทศ”

ทั้งนี้ ปัจจุบันสมาคมฯมีสมาชิกกว่า 200 บริษัท ผลิตเครื่องนุ่งห่มเพื่อการส่งออกเป็นหลัก ซึ่งหากรวมกับอุตสาหกรรมสิ่งทออื่น จะสร้างรายได้เข้าประเทศปีละประมาณ 200,000 แสนล้านบาท โดยมีผู้ใช้แรงงานในอุตสาหกรรมนับล้านคน เป็นปัจจัยขับเคลื่อนในการสร้างรายได้ 

ดังนั้นแนวทางที่รัฐบาลใหม่กำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศที่เอื้อต่อการส่งออกเวลานี้ จึงเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งการที่มีนายกรัฐมนตรีมาจากภาคเอกชน จะสามารถช่วยผลักดันเศรษฐกิจได้ดีมากขึ้น โดยเฉพาะนโยบายในการดูแลประชาชน เช่น การลดค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า และค่าโดยสารรถไฟฟ้า สิ่งเหล่านี้เป็นการช่วยเหลือประชาชนโดยรวม 

ส.อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยหนุน"แจกเงินดิจิทัล 10000" กระตุ้นศก.

ส่วนการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนประเทศต่างๆถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะนายกรัฐมนตรีเปรียนเสมือนผู้นำสินค้าของไทยไปประชาสัมพันธ์ให้กับผู้อื่นได้รับรู้ถึงคุณภาพของสินค้าไทย และให้ภาคเอกชนไปทำการปิดตลาดการขายสร้างรายได้ให้กับประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาตลาดส่งของอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยจะเป็นตลาดสหรัฐอเมริกา สหภาพอียู และญี่ปุ่น มากที่สุด โดยหากมีประเทศคู่ค้าใหม่เกิดขึ้นก็จะเป็นสิ่งที่ดี 

นายพีรพล ตติยมณีกุล อุปนายกสมาคมอุตสหากรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวว่า สมาคมฯเห็นด้วยกับการที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ เพื่อไปทำการเจรจาการค้าให้กับภาพรวมของอุตหสากรรมประเทศ โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ประเทศไทยถือว่าได้เปรียบในการเจรจาการค้า เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ 

ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีสามารถไปเจรจาทำความร่วมมือการค้าระหว่างประเทศแถบยุโรป ตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ หรือประเทศใหม่ ๆ ก็จะส่งผลดีต่ออุตหกรรมโดยรวมของประเทศได้ โดยประเทศแถบเพื่อนบ้านของไทยที่ผ่านมาได้ประโยชน์จากการทำความร่วมมือมาก่อนประเทศไทย ดังนั้นการที่ประเทศไทยจะทำความร่วมมือเช่นเดียวกัน ทางสมาคมฯก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนเต็มที่

“ต้องยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกมีปัญหาจากปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เช่น ค่าครองชีพ ต้นทุนราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ส่งผลให้มีกำลังซื้อน้อยลง แต่เชื่อว่าหากมีการเจรจาการค่าระหว่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องสิทธิทางภาษี ก็จะส่งผลดีต่ออุตสหกรรมไทยมากขึ้น” 

ส.อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยหนุน"แจกเงินดิจิทัล 10000" กระตุ้นศก.
 
นายนิพนธ์ ชวลิตมณฑียร กรรมการสมาคมอุตสหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวว่า สิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม คือ การเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FAT) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะตอนนี้ประเทศไทยเสียเปรียบหลายประเทศในเรื่องการส่งออกโดยเรื่องภาษี และเรื่องการส่งเสริมการลงทุนทั้งในประเทศ และการลงทุนของไทยในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ ซึ่งสมาชิกสมาคมฯ ได้มีการส่งให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) พิจารณา ถ้าพิจารณาให้เร็วก็จะส่งผลดีต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมได้ดีมากขึ้น 
 
“เรื่อง FAT เป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญมาก เพราะการค้าโลกหลังจากที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดหมดไป ก็เปลี่ยนระบบการค้าแบบพหุพาคี มาเป็นระบบการค้าเสรีมากขึ้น ซึ่งหากประเทศไทยไม่เจรจาการค้ากับใครก็จะเสียเปรียบมาก ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลทำในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเวลานี้จึงเป็นสิ่งที่ดี ขอให้ทำต่อเนื่อง ซึ่งสมาคมฯก็พร้อมที่จะไปพูดคุยกับรัฐบาล แลกเปลี่ยนความคิด หรือร่วมเดินทางไปกับรัฐบาลในการเจรจา FTA เพื่อเปิดตลาดการค้าใหม่” 

อีกทั้งประเทศไทยเวลานี้ได้มีการพัฒนาจากผู้รับจ้างที่ออกแบบและผลิตสินค้าให้กับบริษัทเพื่อนำไปขายในแบรนด์ตัวเอง (ODM) กำลังเปลี่ยนผ่านมาเป็นผู้ผลิตภายใต้รูปแบบและตราสินค้าของตนเอง (OBM) ซึ่งมีโครงการซอฟท์เพาว์เวอร์ของภาครัฐที่ช่วยในการส่งเสริมให้สมาชิกสมาคมฯมีการพัฒนาศักยภาพของตนเองได้มากขึ้น โดยจะเป็นประโยชน์ต่อสินค้าไทยที่จะมีมูลค้าสินค้าสูงขึ้น จึงต้องการให้รัฐบาลจริงใจในการผลักดันโครงการซอฟท์เพาว์เวอร์
 
นลินี สุวรรณพัตรา เหรัญญิก สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวว่า หลายประเทศในเวลานี้ใช้โครงการซอฟท์เพาว์เวอร์ในการบริหารประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา เกาหลี ญี่ปุ่น โดยใช้ภาพยนต์ วัฒนธรรม สอดแทรกให้คนได้รู้จักสินค้าของเค้าได้มากขึ้น ดังนั้นการที่รัฐบาลจะนำโครงการซอฟท์เพาว์เวอร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ จึงเป็นสิ่งที่ดี และต้องให้มีการทำอย่างจริงจัง ผลักดันให้ทุกส่วนทั้ง เช่น เครื่องนุ่งห่ม อาหาร และแฟชั่น ที่เน้นสินค้าที่ผลิตโดยประเทศไทย เพราะเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และเป็นที่รู้จักของคนในประเทศ และคนทั่วโลก