ยูโอบีชี้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีหน้าโต 3.5% หลังโต้คลื่นปัจจัยลบในปี66

04 ต.ค. 2566 | 15:50 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ต.ค. 2566 | 16:24 น.

นักเศรษฐศาสตร์จากยูโอบีชี้ เศรษฐกิจไทยยังเผชิญวิบากในปีนี้ ทำให้คาดว่า GDP อาจจะโตที่ประมาณ 2.7%  เท่านั้น แต่ปีหน้าเชื่อว่าแนวโน้มดีขึ้นจากหลายปัจจัย รวมทั้งมาตรการภาครัฐ โดยคาดว่า GDP ปี 2024 จะสามารถขยายตัวที่ 3.5% ขณะที่ GDP โลกคาดว่าจะโตที่ 2.8% และ 3.0% ตามลำดับ

 

นายเอ็นริโก ทานูวิดจาจา (Enrico Tanuwidjaja) นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารยูโอบี ฝ่าย Global Economic and Markets Research กล่าวใน งานสัมมนา Thailand Economic Outlook 2024: Change the Future Today จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและสื่อเครือเนชั่น กรุ๊ป วันนี้ (4 ต.ค.) เกี่ยวกับ แนวโน้มความท้าทายและโอกาสของประเทศไทย (Thailand Outlook Challenges and Opportunities) ระบุว่า โลกกำลังเข้าสู่ปีที่สี่หลังเผชิญภาวะวิกฤต สองปีแรกนั้นได้รับผลกระทบเต็มๆจากโควิด-19 และปีที่ผ่านมา ภูมิรัฐศาสตร์โลกก็ส่งผลกระทบรุนแรงจากภาวะสงคราม ทำให้เกิดวิกฤตอาหาร ราคาเชื้อเพลิง และเงินเฟ้อ  ปีนี้เรายังคงเผชิญเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในอัตราสูง

เอ็นริโก ทานูวิดจาจา นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารยูโอบี ฝ่าย Global Economic and Markets Research

ธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นดอกเบี้ยมา 10 กว่าครั้งแล้ว และคาดว่าก่อนสิ้นปีนี้ยังอาจจะปรับเพิ่มอีกครั้ง ทำให้ดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดจะอยู่ที่ระดับ 5.75% ณ สิ้นปี 2023 ไม่ว่าการประชุมอีกสองครั้งของเฟดก่อนสิ้นปีนี้จะทำให้เป็นเช่นนั้นหรือไม่  คาดว่าโลกจะยังคงเผชิญอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง ในขณะเดียวกัน เรายังได้อีกอีกปัจจัยลบคือ การอ่อนแอลงของเศรษฐกิจจีน ซึ่งไม่เพียงประสบปัญหาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ แต่ภาคการส่งออกของจีนยังแผ่วลงด้วย ยกเว้นการส่งออกไปยังรัสเซียที่พุ่งสูงขึ้น

ส่วนประเทศสมาชิกอาเซียนรวมทั้งไทย แม้ว่าแนวโน้มเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง แต่ขณะนี้กลับสร้างแรงกดดันมากขึ้นอีกครั้งหลังปรากฏการณ์เอลนีโญที่ส่งผลกระทบต่อผลิตผลการเกษตร และดันให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้น

คาดการณ์แนวโน้มจีดีพีโลก และนานาประเทศในเอเชีย อาเซียน รวมทั้งไทย (ที่มา : UOB)

จำเป็นต้องเพิ่มอุปสงค์และขยายอุตสาหกรรมใหม่ 

สำหรับเศรษฐกิจไทย เรากำลังกลับคืนฟื้นตัว แม้ว่าจะต้องเผชิญความท้าทายและความยากลำบากอยู่มากก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากภูมิรัฐศาสตร์โลกที่มีการเผชิญหน้า เศรษฐกิจจีนที่อ่อนตัวดังกล่าวมาแล้ว และกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก

ไทยยังต้องดูแลเรื่องหนี้สาธารณะที่สูงขึ้น และเฝ้าระวังเงินเฟ้อและราคาอาหารที่กลับเพิ่มสูงขึ้นด้วย ดังนั้น ที่เคยคาดว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะมีการขยายตัวที่อย่างน้อย 3% นั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ปัจจัยลบต่างๆอาจทำให้โตได้น้อยกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ ที่เคยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับคืนมาหลังจีนเปิดประเทศ แต่นับจากต้นปีมา จำนวนนักท่องเที่ยวจีนก็ยังไม่ได้เป็นไปตามที่คาด

"อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่ามาตรการของรัฐบาลไทยในเวลานี้ จะช่วยให้ไทยเผชิญสถานการณ์ในเชิงบวก เช่น มาตรการวีซ่าฟรีที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนกลับคืนมา รวมทั้งการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวหลังยุคโควิด สถานะทางการเงินของไทยถือว่ายังแข็งแรง เงินบาทแม้จะอ่อนตัวในเวลานี้ แต่เชื่อว่าจะกลับแข็งค่าขึ้นในช่วงนี้ของปีหน้า"

นักเศรษฐศาสตร์ของยูโอบียังชี้ให้เห็นถึง โอกาสของอุตสาหกรรมที่ไทยมีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว คืออุตสาหกรรมรถยนต์ ที่สามารถเพิ่มโอกาสการเติบโตด้วยการขยายไลน์อุตสาหกรรมสู่ยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น นอกจากนี้ อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ของไทย ยังมีโอกาสเติบโตอย่างมากเมื่อไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย จึงควรฉวยโอกาสนี้ สร้างการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมดังกล่าว