“ยูโอบี” เผยกลยุทธ์ลงทุนรับมือความผันผวนเสริมแกร่งให้ลูกค้า

18 ก.ค. 2566 | 12:10 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.ค. 2566 | 12:39 น.

“ยูโอบี” พร้อมรับมือความผันผวนทางเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง สร้างพอร์ตการลงทุนแบบปลอดภัย เน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

นายเอ็นริโก้  ทานูวิดฮาฮา นักเศรษฐศาสตร์ Global Economic and Market Research ธนาคารยูโอบี เปิดเผยว่า ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย แนะนำลูกค้าและนักลงทุนให้สร้างพอร์ตลงทุนแบบปลอดภัย (defensive portfolios) เน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ลงทุนในสินทรัพย์ผสม (multi-asset) และตราสารหนี้ประเภท Investment Grade (IG) ในช่วงเวลาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงและมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ ธนาคารแนะนำการลงทุนในกลุ่มการดูแลสุขภาพทั่วโลก (Global Healthcare) และในกลุ่มเอเชียแปซิฟิกที่ไม่รวมญี่ปุ่น (Asia-ex Japan) อาเซียน (ASEAN) และ ตลาดจีน (China) งานสัมมนาได้สำรวจและวิเคราะห์เจาะลึกโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นในเอเชียแปซิฟิกที่ไม่รวมญี่ปุ่น (Asia-ex Japan) ที่ถูกจับตาว่ากำลังเติบโตดีกว่าตลาดที่พัฒนาแล้ว (Developed Markets-DM) 

“ธนาคารมองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 ในปีนี้ อีกทั้งมีความเป็นไปได้ที่จะขยับขึ้นไปสูงถึงร้อยละ 3.5 ในปี 2567 นอกจากนี้ผลพวงจากการฟื้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยวและแรงหนุนจากปัจจัยภายนอกจะช่วยให้ประเทศไทยคงสถานภาพดุลการค้าเกินดุล โดยธนาคารเชื่อมั่นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตดี มีสถานะทางการคลัง และนโยบายการเงินที่มั่นคง” 

ด้านนายเอเบล ลิม Head of Wealth Management Advisory and Strategy กล่าวว่า  ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา นักลงทุนได้รับผลกำไรตามคาดหมายควบคู่ไปกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหลายอย่าง เช่น การล่มสลายของธนาคารระดับภูมิภาคถึง 3 แห่งทั้งในและนอกประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ก่อให้เกิดวิกฤตความเชื่อมั่นในวงการธนาคาร ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจในตลาดที่พัฒนาแล้ว (Developed Market) เริ่มเข้าสู่สภาวะชะลอตัว และอาจทำให้สภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกในช่วงครึ่งปีหลังนี้เกิดความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ธนาคารพร้อมแนะนำกลยุทธ์การลงทุนที่จะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถสร้างพอร์ตการลงทุนที่เข้ากับวัตถุประสงค์ทางการเงินในระยะยาว

“ปัจจุบันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับลูกค้าที่ควรลงทุนในตราสราหนี้ประเภท Investment Grade (IG) เพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่สูงขึ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อได้ขึ้นไปแตะจุดสุงสุด และการดำเนินนโยบายทางการเงินทั่วโลกแบบรัดกุมกำลังเข้าสู่จุดสิ้นสุด โดยการลงทุนในตราสารหนี้ที่ถือครองแบบระยะยาวจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า และโอกาสในการซื้อตราสารหนี้ที่น่าสนใจเหล่านี้อาจหมดไปในอนาคตอันใกล้นี้ อีกทั้งการลงทุนในตราสารหนี้มักจะให้ผลตอบแทนสูง และกำไรจากส่วนต่าง (Capital Gain) ดีกว่าการลงทุนในหุ้น ในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหรือถดถอย”

ในส่วนของ Top Ideas สำหรับลูกค้าที่ต้องการจะลงทุนในหุ้น นายลิมแนะนำให้ลูกค้าลงทุนในกลุ่มการดูแลสุขภาพทั่วโลก (Global Healthcare) เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการรองรับสังคมผู้สูงอายุและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และหุ้นในเอเชียแปซิฟิกที่ไม่รวมญี่ปุ่น อาเซียน และ จีน (Asia-ex Japan/ASEAN/China) แม้จะยังเจอแรงปะทะในระยะสั้นจากการที่เศรษฐกิจจีนยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ และมูลค่าการส่งออกทั่วภูมิภาคเอเชียปรับตัวลดลง แต่ในมุมมองระยะกลาง เป็นไปในเชิงบวก จากการบริโภคในภูมิภาคที่ยังแข็งแรง อีกทั้งระดับมูลค่าหุ้นในกลุ่มนี้ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ.