ทำเนียบส่งหนังสือด่วน ทุกหน่วยงาน เร่งดัน 16 นโยบาย “เศรษฐา”

17 ก.ย. 2566 | 08:45 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.ย. 2566 | 09:53 น.
2.1 k

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ส่งหนังสือด่วนที่สุด ถึงทุกส่วนราชการ เร่งดัน 16 นโยบายนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” สั่งใน ครม. นัดแรก ทั้ง จ่ายเงินเดือนข้าราชการ แจกเงินดิจิทัล พักหนี้ ฟรีวีซ่า ปราบผู้มีอิทธิพล

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ขณะนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ถึงหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งกระทรวง และ กรมต่าง ๆ รวมทั้งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. รับข้อสั่งการที่นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” ได้สั่งการในที่ประชุม ครม. นัดแรก รวม 16 ข้อไปเร่งดำเนินการ

สำหรับข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ได้เสนอให้ที่ประชุมครม. พิจารณามอบหมายในเรื่องต่าง ๆ รวม 16 ข้อ ดังนี้

1. การแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

มติ มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับเรื่องนี้ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป 

2. การแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560

มติ มอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ พิจารณาดำเนินการ ในประเด็นการแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 โดยยึดรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและไม่แก้ไข ในหมวดพระมหากษัตริย์ 

พร้อมทั้งให้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ ที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกภาคส่วนในการออกแบบกฎ กติกาที่เป็นประชาธิปไตย ทันสมัย และเป็นที่ยอมรับร่วมกัน สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และหารือแนวทาง การจัดทำรัฐธรรมนูญในรัฐสภา 

เพื่อให้คนไทยได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นและประเทศ สามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง รวมทั้งเป็นไปตามคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ด้วย

 

ทำเนียบส่งหนังสือด่วน ทุกหน่วยงาน เร่งดัน 16 นโยบาย “เศรษฐา”

3. การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน

มติ ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเรื่องต่าง ๆ ในความรับผิดชอบที่เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติราชการของภาครัฐที่มีผลกระทบต่อการอำนวยความสะดวก และการให้บริการประชาชน รวมถึงการอนุมัติ อนุญาตแก่ภาคเอกชน โดยให้คงอยู่ไว้เฉพาะเท่าที่จำเป็น และหากเรื่องใดที่ไม่มีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดเงื่อนไขไว้ ให้ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ โดยไม่ต้องขออนุมัติ ขออนุญาต 

ทั้งนี้ ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐแจ้งยืนยันการคงอยู่ของมติคณะรัฐมนตรี ในความรับผิดชอบที่สมควรให้มีผลใช้บังคับอยู่ต่อไป ต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายในวันที่ 25 กันยายน 2566 หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวให้ถือว่ามติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้น ๆ มีผลสิ้นสุดไป รวมทั้งให้นำแนวทางข้างต้นไปใช้กับการพิจารณาการตรากฎหมายในระดับต่าง ๆ ด้วย

4. การทบทวนประกาศ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ยังคงมีผลใช้บังคับในปัจจุบัน

มติ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ทบทวนความจำเป็น เหมาะสมของประกาศคสช. คำสั่งคสช. และคำสั่งหัวหน้าคสช. ฉบับต่าง ๆ ที่ยังคงมีผลใช้บังคับในปัจจุบัน โดยหากประกาศ หรือคำสั่งใดสมควรให้คงมีผลใช้บังคับอยู่ต่อไป หรือสมควรยกเลิก ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนภายในวันที่ 9 ตุลาคม 2566

 

ทำเนียบส่งหนังสือด่วน ทุกหน่วยงาน เร่งดัน 16 นโยบาย “เศรษฐา”

5. นโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet 

มติ มอบหมายให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมหารือของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษารายละเอียดของแนวทางในการดำเนินนโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ให้ชัดเจน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน

6. การพักหนี้เกษตรกรและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

มติ มอบหมายให้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดมาตรการในการพักหนี้เกษตรกรและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เป็นระยะเวลา 3 ปี และ 1 ปี ตามลำดับ โดยให้เสนอมาตรการดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน 2 สัปดาห์

7. นโยบายด้านพลังงาน

มติ มอบหมายให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เร่งพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการลดราคาพลังงาน ให้ครอบคลุมทั้งค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขันให้แก่ภาคธุรกิจ แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน

8. การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ 

มติ มอบหมายให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นรองประธานกรรมการ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นที่ปรึกษาและกรรมการ นายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นกรรมการ และมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการให้ครบถ้วน เพื่อดำเนินงานต่อไป 

9. การเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์และผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Nino) และลานีญา (La Nina)

มติ มอบหมายให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรี รับไปดำเนินการจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นรายจังหวัด เป็นเรื่องเร่งด่วน โดยให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสิ่งแวดล้อม เป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการ และมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นกรรมการให้ครบถ้วน 

เพื่อเป็นกลไกในการพิจารณาเตรียมการรองรับสถานการณ์และผลกระทบ จากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Nino) และลานีญา (La Nina) ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 2-3 ปีข้างหน้า

10. นโยบายด้านการประมง

มติ มอบหมายให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรี รับไปดำเนินการจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูทะเลไทย เพื่อความยั่งยืนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสิ่งแวดล้อม เป็นที่ปรึกษา ของคณะกรรมการ และมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการให้ครบถ้วน 

เพื่อพิจารณาดำเนินการแก้ปัญหาของอุตสาหกรรมประมงให้เป็นระบบและครบวงจร โดยให้คำนึงถึงการบริหารทรัพยากร ทางทะเลอย่างยั่งยืนด้วย

 

ทำเนียบส่งหนังสือด่วน ทุกหน่วยงาน เร่งดัน 16 นโยบาย “เศรษฐา”

 

11. นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาทรักษาทุกโรค)

มติ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เร่งรัดการแต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อยกระดับการดำเนินโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค) โดยด่วน เพื่อพิจารณาดำเนินการปรับปรุงระบบสาธารณสุขของประเทศให้มีความทันสมัย มีประสิทธิภาพ และสามารถ ให้บริการการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น

12. นโยบายการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว

มติ มอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พิจารณาดำเนินการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว (Visa Free) สำหรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐคาซัคสถานเป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว 

เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งพิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขและขั้นตอน การเข้าประเทศสำหรับผู้ที่เข้ามาจัดแสดงสินค้าและนิทรรศการ โดยให้มีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 25 กันยายน 2566

13. การปราบปรามผู้มีอิทธิพล

มติ มอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เร่งจัดตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลการครอบครอง และพกพาอาวุธปืน ยาเสพติด การรับสินบน และการซื้อขายตำแหน่งในระบบราชการให้บรรลุผล อย่างเป็นรูปธรรม 

โดยการครอบครองและพกพาอาวุธปืนและอาวุธอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ควรกำหนดให้ผู้ครอบครองนำมามอบแก่ทางราชการที่สถานีตำรวจในภูมิลำเนาภายใน 30 วัน 
ส่วนอาวุธปืน และอาวุธอื่น ๆ ที่มีทะเบียนถูกต้อง หากผู้ครอบครองจำเป็นต้องพกพาให้ดำเนินการขออนุญาตพกพา ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้รายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป

14. การปรับเงื่อนไขการจ่ายเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ 

มติ มอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง เร่งศึกษาหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และรายละเอียดในการจ่ายเงินเดือนของข้าราชการโดยแบ่งจ่ายเป็น 2 รอบ เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่อง ทางการเงินและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้แก่ข้าราชการ ทั้งนี้ ให้เร่งรัดการพิจารณาดำเนินการเพื่อให้สามารถปฏิบัติได้ ภายในวันที่ 1 มกราคม 2567

15. การใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ

มติ มอบหมายให้รัฐมนตรีทุกท่านกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในกำกับดูแลให้ถูกต้อง เหมาะสม โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตาม วัตถุประสงค์ของภารกิจที่กำหนดไว้ บนพื้นฐานของความจำเป็นและประหยัดอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเดินทางไปร่วมประชุม สัมมนา ดูงาน ของผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงาน

16. การลดขนาดขบวนรถเดินทางของรัฐมนตรี

มติ มอบหมายให้รัฐมนตรีทุกท่านพิจารณาปรับลดจำนวนคนและรถนำขบวนให้เหมาะสม เท่าที่จำเป็น เพื่อให้เกิดผลกระทบด้านการจราจรกับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้น้อยที่สุด