ครม.เห็นชอบ "ฟรีวีซ่า" จีน-คาซัคสถาน 5 เดือน เริ่ม 25 ก.ย.66-29ก.พ.67

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (13 กันยายน 2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกในวันนี้ว่า ครม.เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวระยะเร่งด่วน คือ มาตรการ "ฟรีวีซ่า" สำหรับนักท่องเที่ยว 2 ประเทศ คือ จีน และคาซัคสถาน สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า เป็นเวลา 5 เดือน ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 – 29 กุมภาพันธ์ 2567

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาตรการด้านวีซ่า ถือเป็นมาตรการเร่งรัดการท่องเที่ยวระยะสั้น เพียง 5 เดือนเท่านั้น ซึ่งต้องเร่งดำเนินการ โดยมาตรการ "ฟรีวีซ่าจีน" ตั้งใจนำมากระตุ้นการเดินทางในช่วงวันชาติจีน ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 กันยายนนี้ และช่วงตรุษจีนในปีหน้า ส่วนมาตรการ "ฟรีวีซ่าคาซัคสถาน" เป็นมาตรการที่นำมาใช้เพราะมองว่าคาซัคสถานเป็นตลาดศักยภาพที่สามารถเพิ่มการเดินทางเข้าไทยได้

ทั้งนี้นโยบายฟรีวีซ่า ที่จะนำมาใช้ด้านการท่องเที่ยวนายเศรษฐา ต้องการผลักดันเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน โดยก่อนหน้านี้การหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหารือกับกระทรวงต่างประเทศ ฝ่ายความมั่นคง  รวมไปถึงบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. และสายการบินต่างๆ เพื่อให้เปิดเที่ยวบิน และการเตรียมพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพื่มขึ้น

โดยหลังประชุมครม.แล้วเสร็จนายเศรษฐา จะเป็นคนแถลงมาตรการฟรีวีซ่านี้เอง แต่คำที่แถลงจะใช้ว่า วีซ่าฟรี เพื่อให้ตรงกับความหมายที่กระทรวงต่างประทศใช้ ซึ่งหมายถึง การยกเว้นการตรวจลงตราเข้าไทย เพราะ ฟรีวีซ่า ที่กระทรวงการต่างประเทศใช้หมายถึงการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า

อย่างไรก็ตามในการชี้แจงนโยบายด้านการท่องเที่ยวในการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า สำหรับข้อห่วงใยปัญหาธุรกิจสีเทา ซึ่งกระทบกับภาพลักษณ์ด้านลบและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้น 

ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะมีการลงนามความร่วมมือแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างเป็นระบบ ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย และ กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน โดยบริหารจัดการปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ

เรื่องการยกเว้นวีซ่า ที่กล่าวว่าการยกเว้นวีซ่าเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวจะทำให้คนไทยเสียโอกาสในการทำธุรกิจ ประเทศจะเต็มไปด้วยธุรกิจสีเทา มีคนไม่ดีเข้ามาแย่งงาน

เรื่องธุรกิจสีเทาและธุรกิจผิดกฎหมายทุกประเภท เป็นเรื่องต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นความผิดประเภทใดก็ตาม 

จำนวนนักท่องเที่ยวจีนกว่า 2.23 ล้านคนที่เข้ามาตั้งแต่ต้นปี สามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 1 แสนล้านบาท เราไม่ควรเหมารวมว่าทั้งหมดนั้น เข้ามาทำธุรกิจแย่งคนไทย หรือทำผิดกฎหมายไปเสียหมด แต่หากพบว่ามีการกระทำผิด ก็จะต้องใช้กฎหมายดำเนินการให้เด็ดขาด

ในความเป็นจริง การที่นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น จะเพิ่มโอกาสอีกหลายประการให้เมืองไทย รวมถึงเมืองรองอื่นๆ ที่จะเติบโตด้วย โอกาสทางเศรษฐกิจและเงินจะเคลื่อนที่เร็วก็มาจากภาคอุตสาหกรรมบริการและการท่องเที่ยว

ในกรณีที่มีคนไม่ดี เข้ามาในรูปแบบของนักท่องเที่ยว กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มีมาตรการการกวดขัน ปราบปรามและตรวจตรานักท่องเที่ยวที่ไม่ดี โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเข้าสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ 

โดยจัดให้มีศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว 24 ชั่วโมง และจัดให้มีแอปพลิเคชันเพื่อให้นักท่องเที่ยวดาวน์โหลดเพื่อสามารถขอความช่วยเหลือและแจ้งข้อมูลให้กับตำรวจท่องเที่ยว 24 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน จึงทำให้การช่วยเหลือ การจับกุม การตรวจตรา และการป้องกันปราบปรามนักท่องเที่ยวไม่ดีนั้น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

รายได้จากนักท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาทที่ได้พูดถึง เราหมายถึงว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น ซึ่งเพิ่มจาก 1.9 ล้านล้านบาทในปี 2562 ที่เป็นจุดพีคของเราก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงของโควิด

ปัญหาทั้งหมดที่ได้กล่าวมา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไม่ได้นิ่งนอนใจ และจะขอทำงานเชิงรุกกับบูรณาการกับทุกกระทรวงและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อไปสู่การเปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวครั้งใหญ่ นำมาซึ่งความยั่งยืนทั้งในเชิงคุณภาพและเชิงเศรษฐกิจ

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) กล่าวว่า ข้อเสนอเร่งด่วนที่เอกชนอยากให้รัฐบาลใหม่ส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบควิกวิน ได้แก่ 

1.มาตรการฟรีวีซ่าฟรี (ไม่ต้องขอวีซ่าเข้าไทย) ไม่ใช่แค่การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเรามองว่าถ้ามาตรการนี้มีผลจะทำให้ไทยมีนักท่องเที่ยวจีนราว 5-7 แสนคนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยเฉพาะวันชาติจีนที่จะเริ่มในวันที่ 29 ก.ย.นี้ เพื่อลุ้นได้ว่าตลอดทั้งปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนได้ตามเป้า 5 ล้านคน

2.การผลักดันเรื่องการเพิ่มเที่ยวบิน

3. แก้ปัญหาภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย เพราะจากหนังเรื่อง No More Bets ที่นำเสนอเรื่องราวอาชกรรมคอลเซ็นเตอร์ในอาเซียนและไทย ซึ่งมียอดขายบัตรตั๋วหนังในจีนไปแล้วมากถึง 3,700 หยวน ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของไทยเป็นอย่างมาก