ข้าวไทยเนื้อหอมคู่ค้าแห่ซื้อหลังอินเดียห้ามส่งออก

31 ส.ค. 2566 | 15:47 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ส.ค. 2566 | 16:01 น.

พาณิชย์โชว์ตัวเลขส่งออกข้าว 8 เดือน 5.29 ล้านตัน เพิ่ม 11.91% คาดทั้งปี8 ล้านตัน ชี้ออเดอร์เข้าเพียบทั้งฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่นสนซื้อข้าวไทยเพิ่ม ย้ำอินเดียห้ามส่งออกกระทบตลาดข้าวโลก แต่ไม่มีปัญหาขาดแคลน แค่เพิ่มอำนาจต่อรอง

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงแนวโน้มการส่งออกข้าว คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะมีความต้องการซื้อข้าวไทยเข้ามาเพิ่มมากขึ้น มีหลายประเทศที่ติดต่อและสนใจซื้อข้าวไทย โดยเฉพาะจากประเทศที่ไทยได้เดินทางไปเยือนกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าก่อนหน้านี้ ทั้งฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น รวมถึงประเทศอื่น ๆ

ข้าวไทยเนื้อหอมคู่ค้าแห่ซื้อหลังอินเดียห้ามส่งออก

โดยล่าสุดฟิลิปปินส์ ได้ติดต่อเข้ามาแล้ว น่าจะชัดเจนในเดือนก.ย.2566 อินโดนีเซีย มาเลเซีย ก็สนใจ ญี่ปุ่นยืนยันนำเข้าข้าวไทยต่อเนื่อง และขอให้ไทยส่งมอบข้าวคุณภาพและมาตรฐานตรงตามสัญญา

 

 

 โดยการส่งออกข้าวไทยในช่วง 7 เดือนของปี 2566 มีปริมาณ 4.64 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 13.45% มูลค่า 2,568 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 20.13% และคิดเป็นเงินบาทมูลค่า 87,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.45% แต่หากดูตัวเลขล่าสุดจากกรมศุลกากรและใบอนุญาตส่งออกข้าวของกรม ตั้งแต่ 1 ม.ค.-29 ส.ค.2566 การส่งออกมีปริมาณ 5.29 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 11.91% ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ข้าวไทยเนื้อหอมคู่ค้าแห่ซื้อหลังอินเดียห้ามส่งออก

ดยได้รับผลบวกจากความกังวลเรื่องภัยแล้งจากปรากฎการณ์เอลนีโญ อินเดียห้ามส่งออกข้าวขาว ผลผลิตข้าวจีนลดลง หลายประเทศนำเข้าเพื่อความมั่นคงด้านอาหาร และค่าเงินบาทแข่งขันได้ ทำให้มั่นใจว่าทั้งปีจะส่งออกได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 8 ล้านตัน เพราะที่ได้หารือกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ก็ยืนยันตรงกัน
         

ข้าวไทยเนื้อหอมคู่ค้าแห่ซื้อหลังอินเดียห้ามส่งออก

“ตอนที่นำคณะผู้ส่งออกเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์กับคู่ค้า ทั้งฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น ได้สร้างความเชื่อมั่นว่าไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าว ข้าวมีเพียงพอ และจะยังส่งออกตามปกติ แม้ว่าอินเดียจะห้ามส่งออกข้าวขาว โดยยืนยันไม่กระทบกับการส่งออกข้าวของไทย ทุกคนสามารถที่จะขอซื้อข้าวจากไทยได้”         
ส่วน กรณีอินเดียห้ามส่งออกข้าวขาว ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. ต่อมา 25 ส.ค. เก็บภาษีส่งออกข้าวนึ่ง 20% 26 ส.ค. กำหนดราคาส่งออกขั้นต่ำข้าวบาสมาติที่ 1,200 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพื่อสกัดการส่งออกข้าวขาวที่ติดสลากและสำแดงเป็นข้าวบาสมาติ มองว่า มีผลกระทบต่อตลาดข้าวโลก ทำให้เกิดความกังวลและกระทบด้านราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องข้าวขาดแคลน เพราะอินเดียยังเปิดช่องให้มีการส่งออก โดยมีข้อยกเว้นให้กับประเทศที่จะซื้อข้าวเพื่อความมั่นคงด้านอาหารได้ ทำให้อินเดียมีอำนาจในการต่อรองมากขึ้น

ข้าวไทยเนื้อหอมคู่ค้าแห่ซื้อหลังอินเดียห้ามส่งออก
         
ทั้งนี้ ล่าสุดสิงคโปร์ได้ติดต่ออินเดียเพื่อขอซื้อข้าวขาวแล้ว 1.1 แสนตัน ซึ่งรัฐบาลอินเดียได้อนุมัติขายเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ภูฏานขอซื้อ 9 หมื่นตัน ขายให้ 7.9 หมื่นตัน และเมอริเซียส ขอซื้อ 1.4 หมื่นตัน อินเดียก็ขายให้ และยังพบว่ามีประเทศอื่น ๆ อีกหลายประเทศที่ติดต่อซื้อข้าวจากอินเดีย ส่วนไทย ก็มีโอกาสส่งออกได้เพิ่มขึ้น เพราะมีหลายประเทศสนใจซื้อข้าวไทย และแนวโน้มราคาก็ดีขึ้น อย่างราคาข้าวขาว 5% ณ วันที่ 29 ส.ค.2566 ขึ้นมาอยู่ที่ 620 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จากราคาเฉลี่ยของปี 2565 อยู่ที่ 437 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ของเวียดนาม 635 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งราคาเวียดนามแพงกว่าไทยแล้ว