วิกฤติอสังหาฯจีนสะเทือนถึงไทยทั้ง"ท่องเที่ยว-ส่งออก"

23 ส.ค. 2566 | 13:44 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ส.ค. 2566 | 13:58 น.

สนค.วิเคราะห์ผลกระทบของปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนต่อเศรษฐกิจไทยต่อ 2 ภาคเศรษฐกิจสำคัญ คือภาคการท่องเที่ยว-และภาคการส่งออก

ปัญหาสภาพคล่องของธุรกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจจีนที่มีอิทธิพลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังการยกเลิกมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อยู่ไม่น้อย เนื่องด้วยมีมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วน 29% ของ GDP จีน ขณะที่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ประเมินว่ามีผลกระทบต่อ 2 ภาคเศรษฐกิจสำคัญ คือ ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวจีนมายังประเทศไทยสูงถึง 28% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด และภาคการส่งออกที่ส่งผลกระทบต่อสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการก่อสร้างบางรายการเท่านั้น

วิกฤติอสังหาฯจีนสะเทือนถึงไทยทั้ง\"ท่องเที่ยว-ส่งออก\"

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ปัญหาสภาพคล่องของธุรกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจจีนที่ถือว่ามีอิทธิพลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังรัฐบาลจีนยกเลิกมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อยู่ไม่น้อย

 

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)

โดยปัญหานี้มีต้นตอมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนส่วนใหญ่ทำธุรกิจโดยใช้วิธีกู้ยืมเงินเป็นหลัก และสร้างปริมาณโครงการอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะฟองสบู่ ด้วยเหตุนี้ในเดือนสิงหาคม 2563

วิกฤติอสังหาฯจีนสะเทือนถึงไทยทั้ง\"ท่องเที่ยว-ส่งออก\"

ธนาคารกลางจีนจึงประกาศกฎเกณฑ์ที่เรียกว่า “Three Red Lines” มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และลดการขยายตัวของหนี้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเข้มงวด ซึ่งในเวลานั้นมีเพียง 6.3% ของจำนวนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศเท่านั้นที่ผ่านเกณฑ์ครบทุกข้อ

วิกฤติอสังหาฯจีนสะเทือนถึงไทยทั้ง\"ท่องเที่ยว-ส่งออก\"

จึงทำให้ธุรกิจเกือบทั้งหมดไม่สามารถกู้ยืมเงินเพิ่มเพื่อนำมาใช้หมุนเวียนภายในกิจการได้ ประกอบกับยอดขายที่ลดลงในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงทำให้หลายธุรกิจขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ บริษัท Evergrande ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์จีน มีโครงการมากกว่า 1,300 โครงการ คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 4 ของเศรษฐกิจจีน และเป็นธุรกิจที่มีหนี้มากที่สุดในโลก เพิ่งได้ยื่นขอล้มละลายในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และล่าสุดยังมีข่าวบริษัท Country Garden ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของจีน มีแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

 ภาคอสังหาริมทรัพย์ถือว่ามีขนาดใหญ่จนสามารถสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนเป็นวงกว้าง มีมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 29% ของ GDP จีน ดังนั้นปัญหาของภาคอสังหาริมทรัพย์จึงส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจีนอย่างมีนัยสำคัญ โดยล่าสุดในเดือนสิงหาคม 2566 นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร Barclays ได้ปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจจีนปี 2566 เหลือเติบโตเพียง 4.5% เท่านั้น

วิกฤติอสังหาฯจีนสะเทือนถึงไทยทั้ง\"ท่องเที่ยว-ส่งออก\"

หลังจากประเมินแล้วว่าการใช้นโยบายการคลังและการเงินของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลจีนไม่ค่อยเห็นผลนัก ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2/66 ยังขยายตัวได้เพียง 0.8% จากไตรมาสที่ 1/66 ขณะเดียวกัน ยังส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของประชาชน เพราะกว่าร้อยละ 70 ของจำนวนประชากรที่อยู่ในเขตเมือง นิยมสร้างความมั่งคั่งด้วยการซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้เพื่อการลงทุนและเก็งกำไร และเมื่อราคาที่อยู่อาศัยลดลงอย่างรวดเร็ว ผู้ลงทุนจึงเกิดการขาดทุนกันถ้วนหน้า

วิกฤติอสังหาฯจีนสะเทือนถึงไทยทั้ง\"ท่องเที่ยว-ส่งออก\"

อีกทั้งยังสร้างผลกระทบต่อตลาดแรงงาน ภาคการก่อสร้างเป็นแหล่งจ้างงานกว่า 62 ล้านตำแหน่ง แรงงานอาจมีแนวโน้มถูกเลิกจ้างงาน ขณะเดียวกันการจ้างงานใหม่หดตัว โดยเฉพาะการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่ที่มีสถิติหดตัวสูงเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งมีสาเหตุมาจากการลงทุนใหม่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ลดลงอย่างเห็นได้ชัดมาตั้งแต่ปี 2565 และปัจจุบันยังคงหดตัวต่อเนื่อง

ล่าสุดเดือนกรกฎาคม 2566 หดตัว 8.5% ตามความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่ลดลง นอกจากนี้ ยังสร้างผลกระทบต่อภาคค้าปลีก จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนที่รายงานภาวะเศรษฐกิจค้าปลีก พบว่า ภาคค้าปลีกของสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์อย่างยอดค้าปลีกในหมวดของตกแต่งบ้าน เฉพาะในช่วงเดือนมกราคมถึงกรกฎาคมของปีนี้ หดตัว7.3%

วิกฤติอสังหาฯจีนสะเทือนถึงไทยทั้ง\"ท่องเที่ยว-ส่งออก\"

สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย สนค. ได้วิเคราะห์ต่อ 2 ภาคเศรษฐกิจสำคัญ คือ 1. ผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ได้ส่งผลกระทบต่อการบริโภคและการใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวจีนที่ลดลง และส่งผลข้างเคียงมายังเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวของไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 28% ของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมดที่เข้ามาในประเทศไทย

 และ 2. ผลกระทบต่อการส่งออก ซึ่งมีผลกระทบที่ส่งผ่าน 3 ช่องทาง คือ (2.1) ผลกระทบจากกำลังซื้อของชาวจีนที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เนื่องจากเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนต่อ GDP ของจีนค่อนข้างมาก อีกทั้งยังเป็นแหล่งจ้างงานขนาดใหญ่ มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน และส่งผลต่อเนื่องไปยังการบริโภคที่ลดลง

วิกฤติอสังหาฯจีนสะเทือนถึงไทยทั้ง\"ท่องเที่ยว-ส่งออก\"

โดยเฉพาะการบริโภคสินค้าที่มิใช่สินค้าจำเป็น (2.2) ผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าวัตถุดิบที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนมีเพียงบางรายการ ได้แก่ เคมีภัณฑ์ (เช่น เคมีภัณฑ์ที่ใช้ในงานก่อสร้าง) และเม็ดพลาสติก ซึ่งมีจีนเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 มีสัดส่วน 18% และ 29% ตามลำดับ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออก Top 10 ของไทย ซึ่งครึ่งปีแรกของปี 2566 สองสินค้าข้างต้นที่ส่งออกไปจีน หดตัว 20.9% และ 26.9% ตามลำดับ

วิกฤติอสังหาฯจีนสะเทือนถึงไทยทั้ง\"ท่องเที่ยว-ส่งออก\"

 ขณะที่สินค้าอื่นที่เกี่ยวข้องกับภาคการก่อสร้าง เช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม เครื่องจักรกลที่ใช้ในการก่อสร้าง ปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก คาดว่าได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย-น้อยมาก เนื่องจากจีนไม่ใช่ตลาดส่งออกหลัก

ส่วนผลกระทบโดยอ้อมจากอิทธิพลด้านราคา อาทิ เหล็กและเหล็กกล้า ทองแดงและของทำด้วยทองแดง ด้วเหตุผลที่จีนเป็นผู้บริโภคและผู้นำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ของโลก จึงมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของราคาสินค้า และไทยในฐานะเป็น Price taker การส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องจึงได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาที่มีความสัมพันธ์กับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจีนอยู่บ้าง

วิกฤติอสังหาฯจีนสะเทือนถึงไทยทั้ง\"ท่องเที่ยว-ส่งออก\"

โดยเฉพาะราคาเหล็กที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างมากกว่าสินค้าอื่น ๆ ตามผลของ JP Morgan พบความสัมพันธ์ระหว่างการก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่กับการนำเข้าเหล็กของจีนที่มีความสัมพันธ์กันค่อนข้างมากและเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจน

วิกฤติอสังหาฯจีนสะเทือนถึงไทยทั้ง\"ท่องเที่ยว-ส่งออก\"

“แนะนำให้ผู้ประกอบการไทยคอยติดตามสถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนเป็นระยะ ๆ เนื่องจากเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลค่อนข้างมากต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องมายังเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและการค้าระหว่างประเทศ สำหรับภาคการค้า จีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 และตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทย มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 12 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย ดังนั้น ภาวะเศรษฐกิจจีนย่อมมีผลกระทบสำคัญต่อการส่งออกสินค้าไทยอยู่ไม่น้อย”