4 New Gen “GMM GRAMMY” ปั้น ‘คอนเสิร์ต-มิวสิค เฟสติวัล’ กระหึ่ม

ปี 2566 นับเป็นปีทองของคอนเสิร์ตและมิวสิค เฟสติวัล ที่กลับมาผงาดอย่างคึกคัก ในแต่ละปีมีงานดนตรีที่ใช้นามสกุล Music Festival ไม่ต่ำกว่า 300-400 อีเวนต์ หนุนให้เม็ดเงินในอุตสาหกรรมโชว์บิซสะพัดกว่า 2,500 ล้านบาท ขณะที่แบรนด์หลัก ในการจัดงานดนตรีสเกลใหญ่หรือมีจำนวนผู้ร่วมงาน 1-2 หมื่นคนขึ้นไปยังคงเป็น “GMM GRAMMY”

เพราะหลังโควิดผ่านพ้นไป การกลับมาของ “GMM GRAMMY” สามารถสร้างเม็ดเงินจากธุรกิจโชว์บิซได้กว่า 542 ล้านบาทและจะขยับเพิ่มเป็น 898 ล้านบาท เติบโต 66% ในสิ้นปีนี้ ภายใต้การคุมทัพของ 4 ผู้จัดที่ได้ชื่อว่าเป็น New Generation ของ GMM SHOW ในเครือ GMM GRAMMY ซึ่งวันนี้ทั้ง 4 พร้อมเปิดใจให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ”

“ป่านแก้ว สัตยาวุฒิพงศ์” ผู้อำนวยการฝ่าย-ผลิตและสร้างสรรค์งาน Showbiz-GAYRAY บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังว่า ปีนี้ภาพรวมตลาดโชว์บิชและมิวสิค เฟสติวัล กลับมาคึกคักอีกครั้งทั้งในไทยและต่างประเทศหลังจากหยุดชะงักไปหลายปี ในส่วนของแกรมมี่ภาพรวมของการจัดงานกลับมา 120%จากช่วงก่อนโควิด

สำหรับแบรนด์ GAYRAY เป็นตัวหลักจัดงาน “Big Mountain” เป็น Music Festival ที่ใหญ่ที่สุด DNAของแบรนด์GAYRAY คือ งานทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะต้องสนุกและแปลกใหม่ ทั้ง Big Mountain ที่เราตั้งใจให้เป้นเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุด ไปแล้วคุ้มค่า ส่วนงานอื่นๆอย่างเช่นธีมคอนเสิร์ต เช่น Bodyslam นั่งเล่นหรือแม้แต่ THE GENTLEMEN LIVE เราพยายามที่จะพลิกแพลงการนำเสนอให้คนดูรู้สึกว่าคาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเวทีคอนเสิร์ตบ้าง

“ในการจัดงานเราไม่ได้จำกัดศิลปินที่ขึ้นโชว์ว่าต้องเป็นศิลปินในค่ายแกรมมี่เท่านั้น ใน Big Mountain ปีก่อนๆเราเคยดึงศิลปิน RS มาร่วมเวที รวมทั้งศิลปินอินดี้ต่างชาติที่ อาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก แต่มีแฟนคลับกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยเช่นวงญี่ปุ่น เกาหลี เข้ามาเป็นสีสันให้คนที่มามิวสิค เฟสติวัลได้เจอวงอะไรแปลกๆ เป็นเซอร์ไพรส์เล็กๆให้คนดูเข้าไปเห็นเองในงาน แล้วกลับมาเล่าสู่กันฟัง”

“ศักดิ์สกุล แก้วมาตย์” ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส-ผลิตและสร้างสรรค์งาน Showbiz-IDEA FACT กล่าวเสริมว่า branding ที่ GMM SHOW สร้างขึ้นจะมีหน่วยงานต่างๆที่ทำงานซัพพอร์ตการสร้างแบรนด์โดยเฉพาะเรื่องของดาต้า แม้ว่าผู้บริโภคมีสิทธิ์เลือกมากขึ้นจากจำนวนผู้จัดงานที่มากขึ้น แต่ GMM SHOW จัดเก็บข้อมูลผู้บริโภคที่เข้าร่วมงานและนำมาปรับปรุงหรือพัฒนาให้ดีขึ้น

“ทุกการจัดงานส่วนมากผู้ชมเก่าจะกลับมาชมซ้ำพอสมควร และมีผู้ชมใหม่เข้ามาลองและจะกลับเข้ามาซ้ำๆ เพราะฉะนั้นเรื่อง branding ถือว่าเป็น key to success ที่สำคัญของ GMM SHOW ที่ต้องการให้คนติดภาพจำของงานมิวสิคเฟสติวัลที่ดูดี สะดวกสบาย สนุกสนานตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน”

สำหรับผลงาน IDEA FACT จะครีเอท ออกมาใน 2 รูปแบบคือ 1. ธีมคอนเสิร์ตและโซโล่คอนเสิร์ต ในรูปแบบอินดอร์ โดยคิดธีมและดึงศิลปินมาอยู่ในธีมนั้น 2. Lifestyle Festival เป็นมิวสิค เฟสติวัลที่จัดในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น นั่งเล, นั่งเล่น ในฤดูหนาวปลายปี, WATER WAR CHIANG MAI ช่วงสงกรานต์ และ 28 ตุลาคมนี้จะมีการจัด Lifestyle Festival กับงาน SCREAM ช่วงฮาโลวีนเป็นครั้งแรก

“ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายหลักของ IDEA FACT เป็นคนทำงาน ความยากของการจัดงานในแต่ละงานคือจะทำอย่างไรให้ถูกใจคนซื้อบัตร เพราะความชอบและความประทับใจของคนเราไม่เหมือนกัน สิ่งที่เราได้คือทำให้ดีที่สุดเท่าที่กำลังของทีมงานทุกคนและกำลังเงินที่เรามีแม้สุดท้ายอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ทุกคน แต่โดยรวมของคนส่วนใหญ่ที่มางานมี feedback ที่ดีกับทุกๆงาน สิ่งที่คาดหวังในอนาคต 3-5 ปีข้างหน้าคือการเห็นแบรนด์ของเราก้าวไปอยู่ในจุดที่แค่ประกาศชื่อออกไปก็ Sold Out เพราะเขาชอบเราแล้ว”

“G FEST” เป็นอีกแบรนด์ที่ GMM ภาคภูมิใจ “ฝากฝัน ศรีสันติสุข” ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส-ผลิตและสร้างสรรค์งาน Showbiz - G FEST สะท้อนให้ฟังว่า ปีนี้ GMM SHOW มีแพลนจัดงานโชว์บิซในไปป์ไลน์ 17 งาน โดยเริ่มทยอยจัดไปแล้ว 6 อีเวนต์ในช่วงต้นปี ความท้าทายในมุมของผู้จัดงานคือ “เงินในกระเป๋าของคนดูมีเท่าเดิมแต่ผู้จัดมีมากขึ้น” เพราะฉะนั้นผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นในการรับชมคอนเสิร์ตที่โดนใจมากที่สุด

ในส่วนของ G FEST จึงวางโพสิชั่นนิ่ง เป็นแบรนด์ที่สร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับคนดูและสะท้อนตัวตนของทั้งผู้บริโภคและศิลปิน นอกจากการจัดคอนเสิร์ตร็อคเป็นหลักยังต่อยอดไปทำ Monster Music Festival แบรนด์ล่าสุดเป็นเทศกาลดนตรีวัยรุ่นที่ทำเพื่อตอบโจทย์วัยรุ่น

“จุดแข็งของเราคือเรื่องของ CRM และเรื่องของข้อมูลขนาดใหญ่ที่เก็บข้อมูลของผู้บริโภคในทุกๆงานและทำความเข้าใจ เพราะฉะนั้นเรารู้ว่าเทรนด์จะไปทางไหน ผู้บริโภคต้องการอะไร เช่นMonster Music Festival กลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น ในกรุงเทพฯและปริมณฑลที่มีความต้องการดูศิลปินที่ชื่นชอบแบบใกล้ชิด เพราะมิวสิคเฟสติวัลคนดูอาจไม่ได้เจอศิลปินใกล้ๆ แต่งานนี้เราทำ Insight ที่ตอบโจทย์คนดูให้สามารถซื้อของศิลปินที่ตัวเองชอบกลับไป และได้ใกล้ชิด ได้เซลฟี่

อีกหนึ่งสาวที่ขึ้นแท่นผู้จัดนิวเจนอย่าง “พนมกร พันธุ์ชนะ” ผู้จัดการฝ่าย-ผลิตและสร้างสรรค์งาน Showbiz - ALL AREA บอกว่า รูปแบบการจัดงานของ GMM SHOW เป็นการจัดงานแบบปูพรมไปทั่วประเทศ และทำงานร่วมกับผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม รวมทั้งรัฐวิสาหกิจชุมชน ในเรื่องของการท่องเที่ยว เพราะเมื่อมี Music Festival สิ่งที่ตามมาคือนักท่องเที่ยวจากจังหวัดต่างๆหลั่งใหลเข้ามาในพื้นที่ทำให้เศรษฐกิจทั้งใน Music Festival และโดยรอบพื้นที่จัดงาน รวมทั้งจังหวัดนั้นๆ เฟื่องฟูไปพร้อมกัน

ภารกิจของ ALL AREA หลักคือดูแลการจัดงาน Music Festival ที่ใหญ่ที่สุดในแต่ละภาค ผลิตภัณฑ์ ของ ALL AREA จึงมีทั้ง เชียงใหญ่เฟส, เฉียงเหนือเฟสและพุ่งใต้เฟส ซึ่ง GMM SHOW เข้าไปบุกเบิกและเข้าไปควานหา consumer Insight ของคนในแต่ละพื้นที่ นอกจากเกี่ยวข้องกับ Music Festival แล้วยังเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของแต่ละภูมิภาค ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละ branding

“เราพยายามเข้าไปหากลุ่มเป้าหมายของเราว่ามีความต้องการอะไร และเข้าไปมอบสิ่งนั้นให้กับกลุ่มเป้าหมาย ทั้ง Music, Art รวมถึง culture ที่จะต้องผสมผสานกันระหว่างโลคอลและความโมเดิร์น ทำให้เกิดสิ่งใหม่ของแต่ละงานขึ้นมา จากพื้นฐาน branding ที่แข็งแรงภายใต้คำว่าทำมาตรฐานให้ดีที่สุดในประเทศ ดังนั้นคอนเซ็ปของเราคือถ้า Love Is All Around Music Is All AREA”

นอกจากจะได้เห็นโฉมหน้าผู้อยู่เบื้องหลังความบันเทิงและความสำเร็จของคอนเสิร์ต/มิวสิค เฟสติวัล ที่หลายคนชื่นชอบและชื่นชม ยังได้รู้ถึงแนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,899 วันที่ 25 - 28 มิถุนายน พ.ศ. 2566