บิ๊ก "สหพัฒน์" หวั่นรัฐบาลใหม่ขึ้นค่าแรง ทุนญี่ปุ่นหนีไทยไปเวียดนามแน่

31 พ.ค. 2566 | 19:15 น.
อัปเดตล่าสุด :31 พ.ค. 2566 | 19:29 น.
614

บิ๊กเครือสหพัฒน์ มองการเมืองรัฐบาลใหม่ต้องเร่งฟื้นเศรษฐกิจไม่ใช่ขึ้นค่าแรง หวั่นนักลงทุนญี่ปุ่นหนีไปซบเวียดนามแทน แง้มข่าวใหญ่เล้งลงทุนครั้งประวัติศาสตร์ในอุตสาหกรรมที่ไม่เคยทำมาก่อน

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ และผู้บริหารเครือสหพัฒน์ เปิดเผยถึงกรณีนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ ว่า สิ่งที่เป็นห่วงคือ ในเรื่องของการลงทุน ถ้าค่าแรงสูงขึ้นอาจทำให้นักลงทุน เช่นญี่ปุ่นที่สนใจจะมาลงทุนกับไทยยกขบวนไปลงทุนที่เวียดนามแทน สังเกตได้จากอุตสาหกรรมเสื้อผ้าต่อให้ไม่ขึ้นค่าแรงเขาก็มีการย้ายฐานการผลิตไปที่เวียดนามแล้ว

“สหพัฒน์เป็นพ่อค้าเราต้องสามารถปรับตัวได้ทุกรัฐบาล เช่นเมื่อค่าแรงสูงขึ้นเราก็ต้องทำให้ราคาสินค้าไม่ขึ้นตามค่าแรง ดังนั้นสำหรับ สหพัฒน์ ไม่ว่ารัฐบาลไหนเข้ามาเราก็ต้องปรับตัวเองนี่คือจุดเด่นของเรา เพราะในการทำธุรกิจไม่มีปีไหนง่ายเลย อยู่ที่เราจะปรับตัวอย่างไรถ้าเราปรับตัวทันเหตุการณ์ก็อาจจะเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส แต่ถ้าเราปรับตัวช้าก็อาจจะเกิดการสูญเสีย" นายบุณยสิทธิ์ ระบุ

อย่างไรก็ตามตอนนี้สำคัญที่สุดคือสิ่งแวดล้อมเราจะทำอย่างไรให้สิ่งแวดล้อมเราดีขึ้นและทำให้สินค้าเราถูกลง  inflation เกิดขึ้นทั่วโลกราคาสินค้าต้องขึ้น แต่เราจะทำอย่างไรให้ขึ้นราคาได้ต่ำที่สุดและสามารถส่งต่อสินค้าเราให้กับผู้บริโภคได้

 

บิ๊ก "สหพัฒน์" ฝากข้อคิดถึงรัฐบาลคนรุ่นใหม่

เชื่อรัฐบาลใหม่ตัดสินใจเร็ว

นายบุณยสิทธิ์ ระบุว่า ในส่วนของประเด็นรัฐบาลจากคนรุ่นใหม่ ส่วนตัวมองว่า ไม่น่ากังวล โดยความแตกต่างของคนอายุมากกับคนอายุน้อยนั้น คนรุ่นใหม่จะมีไอเดียใหม่ ๆ และทำสิ่งต่าง ๆ เร็วขึ้น ส่วนคนมีอายุมีความรอบคอบแต่ทำงานช้า ดังนั้นถ้ารัฐบาลรุ่นใหม่เข้ามาความเร็วในการตัดสินใจจะเป็นจุดเด่นของคนรุ่นใหม่ 

"ในต่างประเทศตอนนี้มีนายกรัฐมนตรีเป็นคนรุ่นใหม่เยอะ บางประเทศเป็นคนรุ่นใหม่ทั้งหมดหรือแม้แต่ผู้หญิงขึ้นมาเป็นนายกได้นี่คือการเปลี่ยนแปลงของทั่วโลก ดังนั้นอายุไม่เกี่ยว แต่ต้องทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปก่อน เมื่อเศรษฐกิจไปได้ทุกๆอย่างก็จะตามมาแต่สำคัญที่สุดคืออย่าทำประเทศไทยเหมือนยูเครนเพราะจะเสียหายมหาศาล"

อย่างไรก็ตามมองว่า การเมืองและการพัฒนาประเทศจะต้องนำหลาย ๆ กลุ่ม หลาย ๆ กรุ๊ปมารวมกันทำให้เศรษฐกิจเมืองไทยไปได้ต่อ โดยสิ่งที่รัฐบาลใหม่ต้องทำอย่างรวดเร็วคือการพัฒนาเศรษฐกิจให้คนมีการศึกษา มีงานทำ คนไม่ว่างงาน ไม่ใช่ขึ้นค่าแรง

ตัวอย่างเช่นในภาคการเกษตรถ้าสามารถพัฒนาให้มีราคาที่สูงขึ้น คนที่ทำเกษตรจะไม่ไหลเข้ามาทำอุตสาหกรรม ทำให้ไม่มีคนว่างงาน ตรงกันข้ามถ้าเกษตรลดลง จะทำให้คนต่างจังหวัดไหลเข้ากรุงเทพฯ และทำให้เจอปัญหาค่าแรงต่ำ และการปรับค่าแรงสูงขึ้นจะทำให้ภาคการท่องเที่ยวเสียหาย เพราะตอนนี้คนที่มาท่องเที่ยวมองว่าเมืองไทยอาหารดี ค่าครองชีพดี แต่ถ้าค่าแรงสูงขึ้นสูงขึ้นเราก็จะเหมือนอเมริกาหรือเม็กซิโกที่คนไหลไปประเทศอื่น

สหพัฒน์เริ่มปรับให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาบริหาร

นายบุณยสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เครือสหพัฒน์เองปัจจุบันเริ่มปรับให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาบริหาร เช่นงานสหกรุ๊ปแฟร์ครั้งที่ 27 นี้เป็นผลงานของคนรุ่นใหม่ทั้งหมด ส่วนรุ่นเก่าจะไม่มีส่วนในการบริหารธุรกิจ

โดยส่วนตัวมองว่าผู้บริหารคนรุ่นใหม่ไม่น่ากังวลเพราะเชื่อว่าเก่งกว่าคนรุ่นเก่า และจะพัฒนาบริษัทได้เร็วขึ้นหลังจากโควิดเรื่องของ เฮลท์แคร์ การท่องเที่ยวและการศึกษาดี ในเครือสหพัฒน์คนทำงานส่วนใหญ่ทุกคนรู้ว่าจังหวะไหนต้องเร็วจังหวะไหนต้องช้า  รู้ว่าอันไหนสำคัญหรือไม่สำคัญและสามารถที่จะพัฒนาต่อไป  

เช่นจำนวนพนักงานยิ่งคนเยอะยิ่งเป็นภาระ ตอนนี้พยายามใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยและสามารถลดจำนวนพนักงานไม่ถึงแสนคน จากเมื่อก่อนที่เคยมีธุรกิจเสื้อผ้า การ์เม้นต์ รองเท้าซึ่งต้องใช้แรงงานเยอะทะลุแสนคน แต่ตอนนี้ทั้งเสื้อผ้า รองเท้าไปผลิตที่จีนหรือเวียดนามแทนทำให้แรงงานน้อยลงเพราะฉะนั้นสินค้าในกลุ่มนี้ก็สโลว์ดาวน์ลง

เตรียมเปิดตัวการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์

ส่วนด้านการลงทุน ยอมรับว่า ตอนนี้มีทั้งปัญกา เงินเฟ้อ และปัจจัยอื่น ๆ ดังนั้นช่วงนี้เราต้องยิ่งลงทุนให้เยอะกว่าถึงจะถูกกับจังหวะและดีที่สุด การเก็บเป็นเงินสดไม่มีความหมาย ปีนี้เรามีโครงการใหม่ๆอีกหลายโครงการใหญ่ๆ ซึ่งเป็นการลงทุนที่ใช้เม็ดเงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ในอุตสาหกรรมใหญ่ที่เราไม่เคยทำมาก่อน หากการพูดคุยจบลงด้วยดีก็จะมีการเปิดเผยในงานสหกรุ๊ปแฟร์ครั้งที่ 27 เพราะนักธุรกิจต่างชาติแต่ละคนก็คิดไม่เหมือนกันคนที่คิดตรงกันเราก็ชวนเขามาทำงานร่วมกัน

ส่วนค่าเงินบาทตอนนี้ยังดีอยู่แต่ในอนาคตยังไม่รู้ ถ้ารัฐบาลใหม่ทำถูกค่าเงินก็จะมีเสถียรภาพ ดังนั้นปัจจัยเสี่ยงของปีนี้คือความไม่มั่นคงของประเทศ และยังต้องดูเรื่อง inflation ของต่างประเทศด้วยว่าจะปับตัวสูงขึ้นหรือไม่ ถ้าขึ้นถ้าและเราต้องใช้วัตถุดิบของประเทศนั้นเราก็อาจจะต้องขึ้นราคา นอกจากเมืองไทยสามารถผลิตเองเราก็จะสามารถคงราคาเดิมได้”

“สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 27” จัดทัพสินค้ามาเปิดสังเวียนให้ช้อปในธีม “ศึกเจ้านักช้อป”

 

เตรียมพร้อมจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์

นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่ค่าครองชีพของคนไทยสูงขึ้นมาก งานสหกรุ๊ปแฟร์ครั้งที่ 27 จึงมีการปรับพื้นที่เพิ่มขึ้นมา 1,000 กว่าบูธจากบริษัทในเครือที่จะมาออกบูธนับร้อยบริษัท บนพื้นที่  กว่า20,900 ตารางเมตร

ตั้งแต่ วันที่ 29 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม 2566 เวลา 10.00–21.00 น. ภายใน ฮอลล์ 100 เป็นพื้นที่จัดแสดงสินค้านวัตกรรม ส่วน ฮอลล์ 98-99 ในธีม ศึกเจ้านักช้อป เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนและแสดงศักยภาพของเครือสหพัฒน์ และจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษให้กับประชาชนเพื่อลดค่าครองชีพ ซึ่งมีสินค้าเข้ามาร่วมอย่างครบครันและทุกบริษัทในเครือ

โดยการจัดงานจะจัดงานทั้งออนไลน์และออนไซต์ควบคู่กัน เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มประชาชนและลูกค้าทั่วไปที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อสินค้า รวมทั้งกลุ่มพันธมิตรและกลุ่มลูกค้าธุรกิจ B2B เข้ามาร่วมงานด้วย

อีกทั้งในงานปีนี้ยังมีความพิเศษคือ อินฟลูเอนเซอร์ชาวไทยและต่างชาติ เช่น จีน มาเลเซีย เวียดนาม มาไลฟ์จำหน่ายสินค้า ผู้ชมสามารถสั่งซื้อได้ทันที ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่มากขึ้น ขณะเดียวกันในปีนี้ยังเป็นปีทองของธุรกิจสัตว์เลี้ยง เพราะพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่รักสัตว์เหมือนสมาชิกในครอบครัว จึงเป็นครั้งแรกที่จัดเป็น Pet-Friendly สามารถพาสัตว์เลี้ยงมาร่วมงานได้ โดยนำสัตว์เลี้ยงไว้ในรถเข็นได้

นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจัดแสดงนวัตกรรม สินค้าใหม่ที่น่าสนใจ รวมทั้งธุรกิจที่ SPI เข้าไปลงทุนและพันธมิตรรวมกว่า 20 บริษัท ทั้งพลังงาน โรงพยาบาล การศึกษา โลจิสติกส์ บริการ และสินค้าจากญี่ปุ่นซึ่งรวมถึงสินค้าญี่ปุ่นแบรนด์ดังอย่าง ดองกิ ซึรุฮะ ลอว์สัน ไดโซะ โคเมเฮียว 

อย่างไรก็ตามภายในงานยังมีสินค้าภายใต้คอนเซ็ปต์ ESG (Environment Social Governance) และการจำหน่ายสินค้าแบบ B2B รวมทั้งกิจกรรมพิเศษมากมาย เช่น โครงการ The Affiliate Thailand Presented by Saha Group ที่จับมือจุฬาฯ และ TikTok จัดแคมเปญสร้างรายได้ง่าย ๆ ใน 1 นาที ด้วยการเป็น Affiliate ทาง TikTok ซึ่งหลังจบเวิร์กชอปสามารถลงมือสร้างรายได้ได้ทันที และยังมี แฟชั่นโชว์ การประกวดการสัมมนา การเซ็นสัญญาร่วมทุน เป็นต้น 

ส่วนของออนไลน์จะเปิดจำหน่ายทางแพลตฟอร์มของเครือสหพัฒน์ทั้ง SAHAGROUPONLINE, SHOP CHANNEL, IDF ONLINE, ICC SHOPPING, SAHAPAT DELIVERY, LION SHOP ONLINE และช่องทางใหม่ทาง TikTok สหกรุ๊ปแฟร์ สำหรับแบรนด์ที่มีช่องทางออนไลน์ของตัวเองจะเปิดให้ช้อปราคาพิเศษเช่นกัน