“มูดี้ส์”ฟันธง ศก.มะกันปีนี้ รอดภาวะถดถอยฉิวเฉียด

15 ม.ค. 2566 | 16:49 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ม.ค. 2566 | 00:01 น.

“มูดี้ส์” คาดเศรษฐกิจสหรัฐฯปีนี้จะรอดจากภาวะถดถอยอย่างฉิวเฉียด พร้อมบัญญัติศัพท์ใหม่แค่ “ภาวะเซื่องซึม” อ้างกระแสหลักในตลาดหลักทรัพย์เชื่อเฟดจะกระหน่ำลดดอกเบี้ยช่วยลดผลกระทบนักลงทุน-ผู้บริโภค แทนขึ้นดอกเบี้ย

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(สคต. / ทูตพาณิชย์) ณ เมืองไมอามี สหรัฐอเมริกา รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลของสื่อสหรัฐฯ ระบุว่า มูดีส์อินเวสเตอส์เซอร์วิส ( Moody's Investor Service) หรือ “มูดีส์” ได้วิเคราะห์แล้วเชื่อว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย แต่จะชะลอตัวอย่างแรงแล้วจะยังไม่ดีขึ้นไปจนถึงปี 2024

 

ทั้งนี้ได้บัญญัติศัพท์ขึ้นมาใหม่สำหรับสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ว่า “Slowcession (ภาวะเซื่องซึม)” โดยความเห็นกระแสหลักในตลาดหลักทรัพย์เชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะกระหน่ำลดดอกเบี้ยลงเพื่อช่วยลดผลกระทบที่มีต่อนักลงทุนและผู้บริโภค แล้วเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยระยะสั้น ๆ ในช่วงต้นปี 2023 แล้วก็จะหลุดพ้นภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจมาได้ก่อนจะถึงช่วงปลายปี

 

 

แน่นอนว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาจะส่งผลเชิงลบต่อการขยายตัวของ GDP แต่ด้วยความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานและปัจจัยอื่น ๆ ในส่วนของผู้บริโภคอเมริกันเองจะช่วยพยุงไม่ให้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอยอย่างเต็มรูปแบบ และ GDP ในปี 2023 จะลงเอยที่การขยายตัวไม่เกินร้อยละ 1 เทียบกับ 2022

 

ทั้งนี้ในมุมมองของ Moody’s คาดาจะเกิดความระส่ำระสายรุนแรงในระบบเศรษฐกิจแต่ผู้บริโภคจะมีเวลาปรับตัวได้ทัน ซึ่งพื้นฐานของมุมมองนี้มาจากความเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางจะยั้งมือการขึ้นดอกเบี้ยได้ทันก่อนที่จะทุบระบบเศรษฐกิจด้วยการตัดสินใจที่ผิดพลาดเช่นที่ผ่านมา ที่ถูกครหาว่ามัวแต่รั้งรอไม่ยอมขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนถึงปี 2022 เพราะเชื่อว่าภาวะเงินเฟ้อเป็นแค่เรื่องเฉพาะกาลเท่านั้น และแม้จะรอดจากภาวะถดถอยได้ แต่ชาวอเมริกันก็ยังจะต้องเผชิญกับภาวะราคาทรัพย์สินและบ้านตกต่ำลง

 

 

Moody’s คาดการขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯจะลงถึงจุดต่ำสุดที่ร้อยละ 0.8 ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 และการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะไม่เกินร้อยละ 2 จนกว่าจะถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2024

 

สคต. ณ เมืองไมอามี ชี้ว่าจากที่ นายคริสเตียน เดอริทิส ผู้ช่วยหัวหน้าทีมนักเศรษฐศาสตร์ ของ Moody’s Investor Service สถาบันจัดอันดับระดับความน่าเชื่อถือชื่อดังของโลก ได้บัญญัติศัพท์ขึ้นมาใหม่ ว่า “Slowcession (ภาวะเซื่องซึม)” เพื่อใช้อธิบายสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นกับสหรัฐฯ ในปี 2023

 

โดยนัยแล้วเขาต้องการจะชี้ว่า สภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ นั้นจะรอดจากภาวะถดถอยได้อย่างหวุดหวิดแต่ก็จะไม่ขยายตัวมาก ซึ่งในรายละเอียดแล้ว จะเห็นว่าสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งหมายถึงอัตราการขยายตัวทาง เศรษฐกิจหดตัว ในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 แต่จะตีตื้นฟื้นกลับมาเป็นสภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวเพียงเล็กน้อยได้ทันในช่วงปลายปี

 

ที่ว่ารอดจากภาวะถดถอยได้นั้น เพราะมีเพียงหน่วยงานเดียวเท่านั้นที่จะฟันธงได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วอย่างเป็นทางการเมื่อใดและพ้นจากภาวะถดถอยแล้วเมื่อใด ซึ่งก็คือ สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติ แต่คำประกาศดังกล่าวมักจะออกมาหลังจากที่ภาวะถดถอยผ่านไปแล้ว

 

นอกจากนี้ยังได้เตือนว่าคำทำนายบนพื้นฐานการมองโลกในแง่ร้ายของนักเศรษฐศาสตร์จะทำให้ภาคเอกชนและผู้บริโภคเองช่วยกันผลักดันให้ภาวะเศรษฐกิจดิ่งลงสู่เหวของภาวะถดถอยเอง (Self-fulfilling Prophecy) ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะเกิดขึ้นจริงเมื่อแรงขับเคลื่อนต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจหมดศรัทธา ผู้บริโภคหยุดจับจ่ายเพราะเชื่อว่าอาจต้องตกงาน ภาคธุรกิจเลิกจ้างเพราะเชื่อว่าผลิตมากไปก็คงไม่มีใครซื้อของ เหล่านี้ล้วนเป็นวงจรอุบาทว์ที่คนในสังคมสร้างขึ้นมากันเอง

 

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ก็ดำเนินไปตามวงจรปกติในอดีตตามหลังเศรษฐกิจที่ร้อนแรงเกินไป ซึ่งเมื่อภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่โตเกินตัว ธนาคารก็ออกมาขึ้นดอกเบี้ย เพื่อลดความร้อนแรงของภาวะเศรษฐกิจลงจนกว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว