“คมนาคม” เร่งสปีด สร้างสายสีชมพู-สายสีเหลือง รับแผนเปิดให้บริการกลางปี 66

26 ธ.ค. 2565 | 17:34 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ธ.ค. 2565 | 00:49 น.

“คมนาคม” ถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู-สายสีเหลือง เล็งเปิดให้บริการกลางปี 66 เตรียมขอพระราชทานนามแนวเส้นทางทั้ง 2 สาย

 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู ครั้งที่ 3/2565 ว่า ปัจจุบัน โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู มีความคืบหน้าอย่างมาก ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ตั้งเป้ากำหนดการเปิดให้บริการไว้ในช่วงปี 2566 

“คมนาคม” เร่งสปีด สร้างสายสีชมพู-สายสีเหลือง  รับแผนเปิดให้บริการกลางปี 66

สำหรับการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 3 เพื่อติดตามผลการดำเนินการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดให้บริการในด้านต่างๆ ทั้งในส่วนของการเชื่อมต่อการเดินทางกับระบบขนส่งอื่น การกำหนดโครงสร้างอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม การขอพระราชทานนามแนวเส้นทาง และการสื่อสารสาธารณะ โดย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2565 สายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว – สำโรง) มีความคืบหน้าการก่อสร้าง ร้อยละ 97.73 ได้รับมอบขบวนรถไฟฟ้าแล้ว 29 ขบวน จากทั้งหมด 30 ขบวน มีแผนเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายน 2566 
 

ส่วนสายสีชมพู (ช่วงแคราย - มีนบุรี) มีความคืบหน้าร้อยละ 94 ได้รับมอบขบวนรถไฟฟ้าแล้ว 39 ขบวน จากทั้งหมด 42 ขบวน มีแผนเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2566 โดยปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างจัดทำ Proof of Safety เพื่อตรวจสอบและประเมินความพร้อมของงานโยธาและงานระบบไฟฟ้าทั้งหมดของโครงการ ก่อนที่วิศวกรอิสระ (ICE) จะออกหนังสือรับรองความปลอดภัย เพื่อเปิดให้บริการให้แก่ประชาชนต่อไป

“คมนาคม” เร่งสปีด สร้างสายสีชมพู-สายสีเหลือง  รับแผนเปิดให้บริการกลางปี 66

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า  ที่ประชุมได้หารือแนวทางการเร่งรัดโครงการให้เป็นไปตามแผนกำหนดการเปิดให้บริการ และได้หารือแนวทางการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูกับระบบขนส่งอื่น เช่น การก่อสร้าง Skywalk เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีหัวหมาก กับสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ สถานีหัวหมาก ซึ่งได้มอบหมายให้ รฟม. เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการก่อสร้าง โดยให้เสนอคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) พิจารณา

 

นอกจากนี้ให้บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการรื้อย้ายสาธารณูปโภคซึ่งมีงานทับซ้อนกัน ณ ตำแหน่งทางขึ้นลงของสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ (สถานี PK11 – PK13) ประกอบด้วย การรื้อย้าย Duct Bank และแนวสายไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง และการก่อสร้างทางระบายน้ำ (Flood Way) ของกรมทางหลวง โดย รฟม. จะประสานงานกับกรมทางหลวง กฟน. และ ปตท. อย่างใกล้ชิดเพื่อให้แล้วเสร็จตามแผนงาน โดยสามารถเริ่มสร้างทางขึ้น-ลง ได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566
 

“ได้มีข้อสั่งการให้คณะอนุกรรมการด้านการเดินรถ การเชื่อมต่อการให้บริการระบบขนส่ง และการประเมินคุณภาพ โดยให้ รฟม. ประสานงานกับ รฟท. เพื่อหารือเกี่ยวกับพื้นที่ที่ใช้ในการก่อสร้างทางเชื่อม (Skywalk) เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีหัวหมาก และสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ สถานีหัวหมาก และเมื่อได้ข้อยุติแล้ว ให้เร่งรัดนำเสนอ คจร. ต่อไป และให้ดำเนินการร่วมกับคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสารสาธารณะ ในการประชาสัมพันธ์เรื่องการคืนพื้นที่ผิวจราจร และการก่อสร้างทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพูบนถนนแจ้งวัฒนะ รวมทั้งให้ รฟม. กำชับผู้รับสัมปทานในด้านความปลอดภัยในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า และเตรียมความพร้อมรองรับการจราจรที่หนาแน่นช่วงเทศกาลปีใหม่” 

“คมนาคม” เร่งสปีด สร้างสายสีชมพู-สายสีเหลือง  รับแผนเปิดให้บริการกลางปี 66
  
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า  กระทรวงฯได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการด้านราคาค่าโดยสารและบัตรโดยสาร ตรวจสอบที่มา และแนวทางในการคิดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู โดยเปรียบเทียบกับวิธีการคิดอัตราค่าโดยสารของรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน 

 

ส่วนคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสารสาธารณะให้ประสานข้อมูลจากคณะอนุกรรมการด้านต่างๆ เพื่อดำเนินการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เช่น แผนการเปิดให้บริการ แนวทางการเชื่อมต่อขนส่งมวลชนระบบอื่น ๆ รวมถึงการก่อสร้างจุดขึ้น-ลงของสถานีรถไฟฟ้าบนถนนแจ้งวัฒนะ โดยให้ประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง และให้ รฟม. และผู้รับสัมปทานร่วมกันหาแนวทางการประชาสัมพันธ์ผ่าน Influencer ต่างๆ โดยให้มีการศึกษากลุ่มเป้าหมาย (Target Group) ที่จะสื่อสาร เพื่อให้สามารถจัดหาวิธีการนำเสนอที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย และสอดคล้องกับสื่อสังคมออนไลน์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว 

 

นอกจากนี้ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการด้านการเตรียมการขอพระราชทานนามแนวเส้นทางโครงการสำหรับทั้ง 2 โครงการ โดยปฏิบัติตามขั้นตอนและระเบียบที่เกี่ยวข้อง