5 พันนักธุรกิจรุ่นใหม่ ฟันเฟือง APEC เคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ BCG

15 พ.ย. 2565 | 16:34 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ย. 2565 | 23:58 น.
681

ในการประชุม “APEC CEO Summit 2022” ซึ่งเป็นเวทีของภาคเอกชน วันที่ 17-18 พ.ย.นี้ หอการค้าไทย ได้มีการคัดเลือกผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หรือ YEC ทั่วประเทศ จำนวน 100 คน เข้าไปเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ในการแลกเปลี่ยนความเห็นของซีอีโอจาก 21 เขตเศรษฐกิจ

นางสาวปริม  จิตจรุงพร ประธานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่  หรือ YEC ของหอการค้าไทย ให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า YEC เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศต่อไปในอนาคต ซึ่งการคัดเลือก YEC จำนวน 100 คน เข้าร่วมงาน APEC CEO Summit 2022 ในครั้งนี้ เป้าหมายสำคัญเพื่อเข้าไปเรียนรู้ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ โดยจะได้เห็นบรรยากาศการแลกเปลี่ยนความเห็นทางธุรกิจระดับโลก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นในการนำไปปรับตัวเพื่อโอกาสในวันข้างหน้าของกลุ่มคนรุ่นใหม่

 

นอกจากนี้จะเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับการจัดงานในอนาคต หากไทยได้กลับมาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคอีกครั้ง โดยกลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นตัวแทนของคนรุ่นปัจจุบันในการเข้าไปทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพการจัดงานครั้งต่อไปอย่างเต็มตัว

5 พันนักธุรกิจรุ่นใหม่ ฟันเฟือง APEC เคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ BCG

 

ปัจจุบัน YEC มีสมาชิกมากกว่า 5,000 คน มาจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่มีการจัดตั้ง YEC ขึ้นมา หอการค้าไทย ได้มีแผนการดำเนินงานในการสร้างความเข้มแข็งให้กับ YEC อย่างต่อเนื่อง โดยได้กำหนดพันธกิจโดยใช้ตัวย่อว่า BUS  ได้แก่ Bonding ลดช่องว่างระหว่างรุ่นใหญ่กับรุ่นใหม่ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการทำงานให้กับหอการค้าจังหวัด Upskill การให้ความรู้ในการดำเนินงานทั้งการบริหารงานองค์กรและการบริหารงานในกิจการของตัวเอง

 

Seed Sustainability ปลูกฝังให้มีการช่วยเหลือ การพัฒนาสังคม และการเสริมสร้างเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ ให้เกิดความยั่งยืน โดยมีกิจกรรมในการพัฒนาในด้านต่าง ๆ  อาทิ โครงการอบรมประธาน YEC ทั่วประเทศ, โครงการอบรม SEED การจัดประชุม YEC ภาค การบ่มเพาะ รวมทั้ง มีการสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ในต่างประเทศ ระดับอาเซียน และระดับโลก โดยนำแนวทางการบริหารงานของกลุ่ม (YPO : Young Presidents' Organization) มาปรับใช้ให้เข้ากับโครงสร้างและบริบทของหอการค้าฯ

 

5 พันนักธุรกิจรุ่นใหม่ ฟันเฟือง APEC เคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ BCG

นางสาวปริม  ยังให้มุมมองถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยนับจากนี้ จะต้องขับเคลื่อนไปในทิศทางใด เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของโลก ว่า ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลง  ทำให้ทิศทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะมีการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน คนมีการตื่นตัวกับสิ่งแวดล้อม มีการใช้  BCG Model มากขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวมที่จะพัฒนา 3 เศรษฐกิจไปพร้อมกัน ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) รวมถึง การใช้คาร์บอนต่ำสำหรับคนรุ่นหลัง

 

นอกจากนี้ เทคโนโลยี / ดิจิทัล ก็จะเป็นกลไกสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ ดังนั้น การสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการค้า จึงเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วน อาทิ การจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรักษาความปลอดภัยของระบบดิจิทัล ,เสริมโครงสร้างข้อมูลพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการค้าดิจิทัล ,การสนับสนุน SME ในการใช้เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน

 

"คนรุ่นใหม่มองว่าการพัฒนาด้านต่าง ๆ จะมีโอกาสมากกว่าอุปสรรค แต่ต้องการความเป็นหนึ่งเดียวที่ต้องขับเคลื่อนไปด้วยกัน ทั้งสังคมและสภาพแวดล้อม  โดยนำจุดแข็งของแต่ละคนมารวมกันเพื่อผลักดันธุรกิจให้เกิดโอกาสใหม่ ๆ"

 

5 พันนักธุรกิจรุ่นใหม่ ฟันเฟือง APEC เคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ BCG

 

ขณะเดียวกันคนรุ่นใหม่ถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศทุกๆ ประเทศในโลก กลุ่ม YEC เองจึงไม่ได้เน้นเพียงแค่เรื่องเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว การที่ประเทศชาติจะพัฒนาได้จะต้องพัฒนาในทุกด้าน เศรษฐกิจ สังคม การลดความเหลื่อมล้ำ และสิ่งแวดล้อม ต้องดำเนินการควบคู่กันไป ซึ่ง YEC ได้มีการปลูกฝังเรื่องดังกล่าวมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ปัจจุบันกลุ่ม YEC หอการค้าฯ ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลเห็นได้จากการที่ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีและคณะเพื่อเสนอแนวคิดของคนรุ่นใหม่ในการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดของตัวเอง

 

“กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ จะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต คนกลุ่มนี้มีพลังมหาศาล เข้าใจเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งจะช่วยต่อยอดการค้าได้อีกมาก เราต้องเปิดโอกาสและประสานให้เกิดความร่วมมือ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกันต่อไป”

 

สำหรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2565  ประธาน YEC กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้อยู่ในทิศทางการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และเริ่มเข้าสู่จุดที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิดมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนภาคการส่งออกในช่วงไตรมาสสุดท้ายอาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงบ้าง แต่ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้ โดยสรุปแล้ว คาดว่าไตรมาส 4/2565 เศรษฐกิจจะเติบโตได้ประมาณ 4% ทำให้ทั้งปีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP) ของไทยจะอยู่ที่ 3.0-3.5% ส่วนในปี 2566 หอการค้าไทยเชื่อว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ถึง 4%