ไทยเบฟ เปิดบริษัทร่วมทุน ไทยยูเนี่ยน เปิดเซกเมนต์ซุปปลาทูน่าสกัด

14 ธ.ค. 2564 | 20:09 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ธ.ค. 2564 | 04:23 น.
558

จับตาเกมใหม่! ไทยเบฟ จับมือ ไทยยูเนี่ยนทุ่ม 100 ล้านบาทตั้งบริษัทร่วมทุนบริษัท ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ ยูไนเต็ด จำกัด ลุยตลาดสุขภาพประเดิมส่ง ซี ทูน่าเอสเซนส์ เปิดเซกเมนต์ใหม่ซุปปลาทูน่าสกัดแบรนด์แรกของโลก

ตลาดเพื่อสุขภาพ เป็นตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและดึงดูดผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ล่าสุดยักษ์ใหญ่แห่งวงการอาหารอย่างไทยเบฟ และผู้นำด้านอาหารทะเล อย่างไทยยูเนียน จับมือกันทุ่มงบกว่า 100 บาทจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่  บริษัท ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ ยูไนเต็ด จำกัด รุกตลาดเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ โดยมี ซี ทูน่าเอสเซนส์ เป็นผลิตภัณฑ์เรือธงในการเปิดเซกเมนต์ใหม่ ซุปปลาทูน่าสกัดแบรนด์แรกของโลก

ไทยเบฟ เปิดบริษัทร่วมทุน ไทยยูเนี่ยน เปิดเซกเมนต์ซุปปลาทูน่าสกัด

นายธารินทร์ รินธนาเลิศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ ยูไนเต็ด จำกัด กล่าวว่าตลาดเครื่องดื่มสกัดเสริมสุขภาพมีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วยเครื่องดื่มซุปไก่สกัด เครื่องดื่มรังนก เครื่องดื่มผลไม้สกัดเข้มข้น และเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลอื่นๆ  ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่ชะงักไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยบริษัทเห็นว่ายังมีโอกาสมาก เนื่องจาก penetration rate ของตลาดนี้ยังคงต่ำอยู่

 

นำมาซึ่งการจับมือกับ ไทยยูเนี่ยน ที่ร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ด้วยการเปิดตัว ซี ทูน่าเอสเซนส์ นวัตกรรมซุปปลาทูน่าสกัดมาเป็นทางเลือกใหม่ โดยแจ้งเกิดเป็นเซกเมนต์ใหม่ในตลาดเครื่องดื่มสกัดเสริมสุขภาพของประเทศไทย

 

“ไทยเบฟและไทยยูเนี่ยน เป็นพันธมิตรที่ดีกันมาโดยตลอด ในช่วง1 ปีที่ผ่านมาเรามองภาพการพัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างเสริมสุขภาพที่ดีร่วมกัน ซึ่งไทยเบฟเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการอาหารและเครื่องดื่ม ในขณะที่ไทยยูเนียนเป็นลีดเดอร์ด้านอาหารทะเล การร่วมมือกันครั้งนี้จึงเป็นการ ซินเนอร์ยี่ ธุรกิจร่วมกันโดยเอาความถนัดของเราทั้งคู่มาร่วมพัฒนาสินค้าทำให้ ธุรกิจเกิดขึ้นได้ในภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว 

 

 

โดยบริษัทร่วมทุนนี้มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ไทยเบฟถือหุ้นในสัดส่วน51% และไทยยูเนี่ยนถือหุ้นในสัดส่วน 49% ผลิตภัณฑ์ที่จะออกมาภายใต้บริษัท  ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ ยูไนเต็ด จำกัด นี้จะเกาะไปกับเทรนด์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนส ซึ่งยังเป็นเทรนด์ที่มีศักยภาพสูงแต่ด้วยเซกเมนต์เสริมสุขภาพนี้มีผู้เล่นในตลาดค่อนข้างมากกระจายตัวในหลายเซกเมนต์ เราจึงมองไปที่การเปิดเซกเมนต์ใหม่ที่เป็นทางเลือกของผู้บริโภค 

 

จนได้นวัตกรรมซุปปลาทูน่าสกัด ออกมาสู่ตลาดเป็นผลิตภัณฑ์แรกและวางจำหน่ายออกสู่ตลาดในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และจะเริ่มกระจายสินค้าในครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้นภายในสินปีนี้โดยใช้ช่องทางจำหน่ายเดียวกับไทยเบฟ และหลังจากนี้บริษัทตั้งงบ 100 ล้านบาทในการทำการตลาดโดยเน้นไปที่สื่อออนไลน์เป็นหลัก และสื่ออื่นๆเป็นหน่วยซัพพอร์ตในการสร้างการรับรู้ผ่าน โฆษณา แคมเปญการตลาด และการแจกตัวอย่างทดลองดื่ม300000 ขวด ซึ่งคาดว่าน่าจะต้องใช้เวลา3-5 ปีในการบูสต์เซกเมนต์ ซุปปลาสกัดให้เกิดขึ้น”

 

ด้าน ดร.ธัญญวัฒน์ เกษมสุวรรณ กรรมการบริษัท ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ ยูไนเต็ด และผู้อำนวยการกลุ่มด้านนวัตกรรม บริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “ทั้ง 2 บริษัทได้นำประสบการณ์และ Know-how กระบวนการผลิตระดับโลก มาสร้างสรรค์เป็น ซี ทูน่าเอสเซนส์  โดยในส่วนของโรงงาน เป็นการลงทุนสร้างไลน์การผลิตใหม่ ด้วยงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ที่โรงงานโออิชิ นวนคร เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายคนวัยทำงาน อายุ 22-40 ปีที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ต้องการบำรุงร่างกายและพลังสมองให้พร้อมในทุกวัน ด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน   

 

โดยผลิตภัณฑ์แรกซี ทูน่าเอสเซนส์ มี  2 รสชาติ ได้แก่ ออริจินัล เข้มข้น กลมกล่อม และแพชชั่นฟรุต ในราคา 47 บาทแม้ว่าจะราคาสูงกว่าเครื่องดื่มสกัดทั่วไปตลาดแต่เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ เครื่องซุปปลาทูน่าสกัดยังจัดอยู่ในกลุ่มของ “ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม” ต่างจากเครื่องดื่มสกัดทั่วไปในตลาดที่จัดอยู่ในกลุ่มของ “อาหาร” 


 

“เรามั่นใจว่าการมุ่งมั่นสร้างการรับรู้ในการเปิดตัว ซี ทูน่าเอสเซนส์ ในครั้งนี้ จะสามารถสร้างสีสันและกระตุ้นการเติบโตให้กับตลาดเครื่องดื่มสกัดเพื่อสุขภาพ ช่วยเพิ่ม penetration การบริโภคของเซ็กเมนต์มากขึ้น เพื่อให้คนไทยได้มีประโยชน์เต็มๆ ของ ซี ทูน่าเอสเซนส์”