“ไฮเนคกี้” ชงนายกประยุทธ์เสนอ 4 แนวทาง Save Phuket Sandbox

14 ก.ย. 2564 | 12:54 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ม.ค. 2565 | 23:07 น.

วิลเลี่ยม ไฮเนกี้ บิ๊กไมเนอร์ ส่งหนังสือถึงนายกประยุทธ์ เสนอ 4แนวทางขอภาครัฐช่วยขับเคลื่อนโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ให้ประสบความสำเร็จ Save Phuket Sandbox ทั้งเร่งฉีดวัคซีนให้คนภูเก็ตครบ100%พร้อมฉีดวัคซีนโควิดเข็ม3รวมถึงขอให้ยกเลิกกระบวนการขอCOEเข้าไทย

นายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)  ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องขอภาครัฐช่วยขับเคลื่อนโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ให้ประสบความสำเร็จ (Save Phuket Sandbox) โดยระบุว่า การระบาดของโควิด-19  แสดงให้เห็นชัดเจนถึงความสำคัญของภาคการท่องเที่ยวที่มีต่อความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจของประเทศไทย โรคระบาดนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลต่ออุตสาหกรรมในภาคบริการที่ครอบคลุมการจ้างงานหลายล้านอัตรา ซึ่งส่งผลกระทบมากมายนับไม่ถ้วนไปยังธุรกิจต้นน้ำต่างๆ ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของภาคการท่องเที่ยว ผมจึงมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ประเทศไทยควรเร่งเปิดประเทศอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด ดังเช่นที่ประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรปได้เริ่มทำกันแล้ว โดยเราจำเป็นต้องดำเนินชีวิตต่อไปให้ได้ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิด-19นี้

 

วิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค

 

และในเวลานี้ ความสำเร็จของโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเตรียมเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ  โครงการนี้นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่จะช่วยวางรากฐานให้กับการเปิดพื้นที่อื่นๆ ของประเทศในระยะต่อไป ซึ่งประชาคมโลกต่างก็กำลังจับตามองเราอยู่ ความล้มเหลวของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์อาจสร้างจุดด่างพร้อยต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาชาวโลกได้ ดังนั้น ทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้โครงการที่สำคัญนี้ประสบผลสำเร็จ

เป็นที่แน่นอนว่าเพื่อให้เป้าหมายนี้ประสบความสำเร็จ ภาระและหน้าที่ความรับผิดชอบส่วนใหญ่นั้นขึ้นอยู่ที่การบริหารจัดการของรัฐบาลโดยตรง ซึ่งรัฐบาลควรใช้นโยบายการสั่งการเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติแบบบนลงล่าง (Top Down Approach) ผ่านการประสานงานและการกระจายความรับผิดชอบไปยังกระทรวงต่างๆ  ให้ทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวแทนการทำงานแบบไซโล

 

สำนักนายกรัฐมนตรี ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการต่างประเทศต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์หลักที่ครอบคลุมในภาพรวมเพื่อประโยชน์สุทธิของประเทศเป็นสำคัญ หากไม่เป็นเช่นนั้น โครงการและแนวคิดที่สำคัญต่างๆ ก็อาจล้มเหลว เนื่องจากขาดความเป็นผู้นำและความเป็นเจ้าของ จึงมี 4 ข้อเสนอ ดังนี้

 

ให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนในจังหวัดภูเก็ต: เร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนชาวภูเก็ตทุกคนโดยเร็วที่สุด เราต้องตั้ง เป้าหมายอัตราการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 100 เปอร์เซนต์ เนื่องจากเกณฑ์ 70 เปอร์เซนต์ของระดับภูมิคุ้มกันหมู่โดยทั่วไปอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ภูเก็ตโดดเด่นในสายตานักท่องเที่ยว หากอัตราการฉีดวัคซีนยังไม่สูงเพียงพอ ประชาชนส่วนน้อยที่เหลือก็จะยังมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ ซึ่งจะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นและอาจทำลายภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของภูเก็ต  เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันโน้มน้าวหรือจูงใจให้ประชาชนชาวภูเก็ตเดินทางไปรับวัคซีนโดยเร็วที่สุด ซึ่งชาวภูเก็ตควรได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในระดับสากลและควรมีการฉีดกระตุ้นวัคซีนโควิดเข็ม 3 เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันให้กับคนที่ระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19  เริ่มมีปริมาณลดลง  โดยรัฐบาลจำเป็นต้องประกาศกรอบระยะเวลาที่ภูเก็ตจะบรรลุเป้าหมายในการฉีดวัคซีนสำหรับเข็มที่ 2 และ 3 ให้ชัดเจนด้วย

จัดให้มีการบริการตรวจโควิดฟรีและติดตามผู้สัมผัสแบบเชิงรุก: ความรู้และข้อมูลคือกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับโรคระบาด ชาวภูเก็ตควรสามารถเข้าถึงการตรวจโควิดที่มีประสิทธิภาพได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ราคาชุดทดสอบ Antigen Test Kit (ทั้งสำหรับจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ) ควรลดลงมาอยู่ในระดับเดียวกันกับที่ขายในต่างประเทศ หรือไม่ควรมีการคิดค่าบริการใดๆ เลย นอกจากนี้ ควรติดต่อและแจ้งข้อมูลให้กับผู้อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูงต่อการระบาด เพื่อให้พวกเขามีโอกาสได้เข้ารับการตรวจและใช้มาตรการป้องกันขั้นพื้นฐานเพื่อลดการแพร่ กระจายต่อ

                                         

ยกเลิกกระบวนการขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate of Entry หรือ COE): เจ้าหน้าที่ทางการควรปรับระเบียบข้อบังคับด้านการเข้าออกของนักท่องเที่ยวต่างชาติในโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ให้เกิดความสะดวก มีประสิทธิภาพ และอยู่ในบรรทัดฐานเดียวกันกับการเปิดประเทศของแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งรวมไปถึงการยกเลิกกระบวนการขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทยหรือ COE และเปลี่ยนไปใช้กระบวนการอื่นๆ ที่สะดวกและรวดเร็วกว่าแทน โดยทางการไม่ควรมีระเบียบข้อบังคับอื่นๆ นอกเหนือจากการขอวีซ่าเพื่อเข้าประเทศซึ่งเคยมีการบังคับใช้มาอยู่ก่อนแล้วเมื่อครั้งยังไม่มีการระบาดของโควิด-19 ข้อกำหนดอื่นๆ ที่เพิ่มเติมล้วนเป็นการลดทอนโอกาสในการประสบความสำเร็จของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ทั้งสิ้น

 

กระบวนการขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทยที่มีอยู่นั้นยุ่งยากและซับซ้อนเกินไป ไม่เพียงแต่สำหรับชาวต่างชาติ แต่ยังรวมไปถึงประชาชนคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับมายังประเทศไทย ภาครัฐจำเป็นต้องตระหนักว่า ภูเก็ตนั้นกำลังแข่งขันกับจุดหมายปลายทางระดับโลกในยุโรป หมู่เกาะและประเทศในแถบแคริบเบียน ตะวันออกกลาง และมัลดีฟส์ ซึ่งกระบวนการเข้าประเทศของหลายๆ แห่งนั้น ไม่จำเป็นต้องมีการขอวีซ่าล่วงหน้า ทำให้มีความสะดวกและเรียบง่ายกว่าของประเทศไทยมาก รวมถึงประเทศอื่นๆ เช่น อิตาลีและกรีซ ก็มีการจำแนกแยกแนวทางในการบริหารจัดการการเข้าออกแหล่งท่องเที่ยวในบางส่วนหรือภูมิภาคที่สะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเช่นกัน

 

ด้วยสภาวะตลาดของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีตัวเลือกที่มากมาย จึงไม่มีเหตุผลใดเลยที่เราต้องลดความน่าสนใจของแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วยการตั้งกำแพงกฎระเบียบที่ยุ่งยากและเกินความจำเป็นเหล่านี้

 

รณรงค์การสื่อสารเชิงรุกเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของภูเก็ตให้เป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยที่สุดในช่วงโควิด-19: หลังจากที่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่ภูเก็ตได้แล้ว หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ในการจัดทำแคมเปญระดับโลกเพื่อสร้างแบรนด์ให้ภูเก็ต ข้อความที่สื่อออกไปควรระบุว่า ภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความปลอดภัยที่สุดสำหรับการพักผ่อนในยุคโควิด-19 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสามารถใช้จุดยืนของแบรนด์ใหม่นี้ (New Brand Positioning) เพื่อทำการตลาดกับประเทศกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง และในขณะเดียวกัน

 

รัฐบาลควรใช้ช่องทางทางการทูตและช่องทางอื่นของกระทรวงการต่างประเทศเพื่อสร้างความแตกต่างอย่างจริงจังระหว่างภูเก็ตและจังหวัดอื่นๆ ที่เหลือของประเทศ ผมเองก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้บริการต้อนรับนักการทูตต่างชาติที่อยู่หรือที่มาเยือนประเทศไทยในการเข้าพักในโรงแรมและรีสอร์ทของไมเนอร์ที่ภูเก็ต ทั้งนี้เพื่อช่วยแสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยและเสน่ห์ที่น่าดึงดูดของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ให้กับประชาคมโลก

 

สุดท้ายนี้ ผมใคร่ขอการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตอยู่ในขณะนี้ ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลใช้มาตรการด้านการคลังเพื่อช่วยเยียวยาภาคการท่องเที่ยวในรูปแบบการขยายเวลาการอนุญาตให้นำผลขาดทุนไปหักล้างกับกำไรสุทธิที่อาจจะเกิดขึ้นในปีต่อไปเพิ่มเป็น 10 ปี มาตรการลดภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร การขยายระยะเวลาการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ฯลฯ

 

โดยการสนับสนุนที่เสนอแนะดังกล่าว ภาครัฐสามารถมุ่งเป้าการช่วยเหลือเฉพาะเจาะจงไปที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้เลย เพื่อก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจนอย่างเป็นมรรคเป็นผล ประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศต่างตระหนักถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของพวกเขา และได้มอบเงินช่วยเหลือเป็นจำนวนกว่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ / ยูโร ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยเองก็ควรทำเช่นกัน

 

ความสำเร็จของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และโครงการแซนด์บ็อกซ์ในจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ ในอนาคต เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทย นอกเหนือจากการที่โครงการจะเป็นโครงการนำร่องที่สำคัญให้กับประเทศแล้ว ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จะเป็นเสมือนแรงขับเคลื่อนที่สำคัญที่จะก่อให้เกิดการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีกครั้ง 

 

การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมจะเริ่มขึ้นได้จากการเพิ่มปริมาณการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในภูเก็ตและการประสานความร่วมมือและความพยายามของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เราต้องตระหนักว่าประเทศไทยเองนั้นต้องการรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก แต่นักท่องเที่ยวอาจไม่ได้ต้องการที่จะมาประเทศไทยเพียงที่เดียว และสามารถเลือกจุดหมายปลายทางอื่นๆ ที่อาจมีความปลอดภัยและสะดวกสบายกว่า

 

ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้มีโอกาสทำงานร่วมกับรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือประเทศไทยของเราให้สามารถกลับมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลกได้อีกครั้ง

 

“ไฮเนคกี้” ชงนายกประยุทธ์เสนอ 4 แนวทาง Save Phuket Sandbox “ไฮเนคกี้” ชงนายกประยุทธ์เสนอ 4 แนวทาง Save Phuket Sandbox “ไฮเนคกี้” ชงนายกประยุทธ์เสนอ 4 แนวทาง Save Phuket Sandbox “ไฮเนคกี้” ชงนายกประยุทธ์เสนอ 4 แนวทาง Save Phuket Sandbox