“เจแอลแอล”คาดปี64ซื้อขายโรงแรมเอเชียทะลุ2แสนล้าน ภูเก็ต-สมุยเนื้อหอม

13 ส.ค. 2564 | 10:41 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ส.ค. 2564 | 18:00 น.

เจแอลแอล แจงครึ่งปีแรกมีการซื้อขายโรงแรมในเอเชียแปซิฟิกกว่า 61 แห่ง คาดตลอดปี 64 ทะลุ 2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20% โดยมัลดิฟส์ ภูเก็ต เกาะสมุย บาหลี เนื้อหอม เหตุจากนักลงทุนคาดว่าจะฟื้นตัวเร็วกว่าตลาดโรงแรมทั่วไป

รายงานจากบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหา ริมทรัพย์ เจแอลแอล ระบุว่า ครึ่งแรกของปี2564นี้ มีการลงทุนซื้อขายโรงแรมในเอเชียแปซิฟิก เกิดขึ้น 61 รายการ รวมกว่าหมื่นห้อง มูลค่าการซื้อขายรวม 3.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (119,510 ล้านบาท) ลดลง 3.7% จากครึ่งแรกของปี 2563

 

นายไมค์ แบทเชเลอร์ ซีอีโอหน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก เจแอลแอล กล่าวว่า ความมั่นใจต่อการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมในเอเชียแปซิฟิกยังคงมีอยู่สูง โดยนักลงทุนมองที่ศักยภาพระยะยาว การลงทุนซื้อขายโรงแรมยังคงเกิดขึ้นแม้จะมีมาตรการล็อกดาวน์และควบคุมการเดินทาง แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังคงสนใจในตลาดการซื้อขายโรงแรมอยู่ต่อเนื่องตลอดช่วงวิกฤติการณ์โรคระบาด

 

หากมองเฉพาะที่เอเชีย (ไม่นับรวมออสเตรเลียและนิวซีแลนด์) การลงทุนซื้อขายโรงแรมช่วงครึ่งแรกของปีนี้มีมูลค่ารวม 3.53 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 94% ของมูลค่าทั้งหมดของเอเชียแปซิฟิก ทั้งนี้ จีน ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีการลงทุนซื้อขายเกิดขึ้นมากที่สูงสุด มีมูลค่ารวมกันคิดเป็น 86% ของภูมิภาค

จีนเป็นตลาดโรงแรมที่มีการซื้อขายมูลค่าสูงสุดในภูมิภาคที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 54% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แซงหน้าโตเกียว ซึ่งเดิมเป็นตลาดที่มีการลงทุนซื้อขายโรงแรมมูลค่าสูงสุด โดยในครึ่งปีแรก โตเกียวมีการซื้อขายมูลค่ารวม 1.1 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 47%

“เจแอลแอล”คาดปี64ซื้อขายโรงแรมเอเชียทะลุ2แสนล้าน ภูเก็ต-สมุยเนื้อหอม

นายนิฮาท เอร์แคน กรรมการผู้จัดการอาวุโสด้านการขาย หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก เจแอลแอล กล่าวว่า ราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายคาดหวังยังคงมีช่องว่าง แต่ส่วนใหญ่ เจ้าของโรงแรมในภูมิภาคนี้ ยังไม่อยู่ภายใต้แรงกดดันสูงจนถึงกับต้องยอมขายลดราคาลงมาก

 

เนื่องจากไม่ได้มีหนี้สูง อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับสถาบันการเงิน/เจ้าหนี้ และในบางกรณียังได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการรัฐฯ ด้วย

 

ทั้งนี้ยังพบว่านักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อรายหลักในตลาดโรงแรมของออสเตรเลียและญี่ปุ่น ในขณะที่ในจีนและเกาหลี ผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนภายในประเทศ

 

นอกจากนี้เมืองที่เป็นตลาดรีสอร์ทกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง เนื่องจากเป็นที่คาดหมายว่าจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าตลาดโรงแรมทั่วไป จากการมีความต้องการสะสมของผู้คนที่ไม่สามารถออกเดินทางท่องเที่ยวมาเป็นเวลานาน

 

ทั้งนี้ มัลดิฟส์ ภูเก็ต เกาะสมุย และ บาหลี คาดว่าจะเป็นตลาดรีสอร์ทที่มีการซื้อขายโรงแรม-รีสอร์ทเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเฉพาะมัลดิฟส์จะเป็นตลาดรีสอร์ทที่มีการซื้อขายคึกคักมากที่สุดในปีนี้

“เราคาดว่าการฟื้นตัวของธุรกิจจะมีความชัดเจนขึ้น จะเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนให้การลงทุนในตลาดโรงแรมทั่วภูมิภาคดำเนินต่อไป ทั้งนี้มีรายการซื้อขายโรงแรมสำคัญๆ หลายรายการที่คาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นในออสเตรเลีย ไทย ญี่ปุ่น และจีน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มูลค่าการลงทุนซื้อขายโดยรวมของภูมิภาคปรับเพิ่มสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

 

โดยยอดมูลค่าการลงทุนซื้อขายโดยรวมของทั้งปี2564 น่าจะอยู่ที่ 7 พันล้านดอลลาร์ (ราว230,510 ล้านบาท) ที่เราประมาณการณ์ไว้ ณ ช่วงต้นปี ซึ่งจะสูงกว่าปี 2563 ราว 20%” นายเออร์แคนกล่าว

 

นายจักรกริช จักรพันธุ์ ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม ภาคพื้นเอเชีย เจแอลแอล กล่าวว่า ตลาดโรงแรมของไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ภูเก็ต และสมุย ยังคงได้รับความสนใจสูงจากนักลงทุนในภูมิภาค

 

จากข้อมูลการลงทุนซื้อขายที่เรารวบรวมในครึ่งแรกของปีนี้ มีการซื้อขายโรงแรมเกิดขึ้น 2 รายการ และจะมีการซื้อขายอีกอย่างน้อย 5 รายการที่มีกำหนดจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในครึ่งหลังของปีนี้