V for Thailand อนาคตท่องเที่ยวไทย

25 พ.ค. 2564 | 09:40 น.
อัปเดตล่าสุด :25 พ.ค. 2564 | 16:42 น.

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ดับฝันเป้าหมายการท่องเที่ยวในปีนี้ลงอีกระลอก หลังจากเมื่อวันที่ 23 เม.ย.64 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเพิ่งจะปรับลดเป้าหมายการสร้างรายได้จาก 1.2 ล้านบาท เหลือ 8.5 แสนล้านบาท ซึ่งปรับลดรายได้ไปร่วม 3.5 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทย 4 ล้านคน สร้างรายได้ 3 แสนล้านบาท และไทยเที่ยวไทย 100-120 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 5.5 แสนล้านบาท

แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่นี้ที่รุนแรงขึ้นกว่าที่คาด จังหวัดต่างๆออกมาตรการคุมเข้มการเดินทางข้ามจังหวัด บรรยากาศไม่เอื้อให้เกิดการท่องเที่ยว ประกอบกับแผนในการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเดือนพ.ค.นี้ ทั้ง “เราเที่ยวด้วยกันเฟส3” และ “ทัวร์เที่ยวไทย” ต้องเลื่อนออกไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ซึ่งก็คาดหวังว่าจะเริ่มกลับมากระตุ้นได้อีกครั้งในปลายเดือนมิ.ย.นี้

จุดนี้ทำให้แน่นอนว่า “ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)กล่าวยอมรับว่าเป้าหมายจึงประเมินว่าในปีนี้เที่ยวในประเทศก็จะพยายามทำให้ไม่น้อยกว่าปี63 คือ อยู่ที่ 90.52 ล้านคน-ครั้งสร้างรายได้ 4.82 แสนล้านบาท โดยถ้าโควิดคลี่คลาย นอกจากททท.จะโปรโมท 2 โครงการที่ได้เลื่อนออกไปแล้ว ก็จะเปิดตัวโครงการแหล่งท่องเที่ยวอันซีน 25 แห่ง หรือ Unseen New Series เพื่อสร้างจุดขายใหม่ให้คนไทยเดินทางไปเที่ยว

ยุทธศักดิ์ สุภสร

ส่วนตลาดต่างชาติที่คาดว่าในปีนี้จะเดินทางมาเที่ยวไทย 3-4 ล้านคน คีย์แมสเสจสำคัญการเริ่มต้น “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเข้ามาเที่ยวภูเก็ตได้โดยไม่ต้องกักตัว ที่จะนำร่องในวันที่ 1 ก.ค.นี้จะเป็นไปตามแผนหรือวางไว้หรือไม่ ปัจจัยหลักที่ต้องลุ้นคือการจัดหาวัคซีนให้คนภูเก็ตได้ฉีด70%ของประชากรได้ทันภายในเดือนมิ.ย.นี้หรือไม่ จากปัจจุบัน ณ วันที่30 เม.ย.64 คนภูเก็ตได้รับการฉีดวีคซีนเข็มแรกไปแล้ว 95,423 คน และมีจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มแล้ว 90,781 คน

V for Thailand อนาคตท่องเที่ยวไทย

ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าภูเก็ตในไตรมาสที่ 3 ตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.นี้ 1.29 แสนคน เฉลี่ย 3-4หมื่นคน สร้างรายได้เข้าภูเก็ต 1.14 หมื่นล้านบาท กลุ่มเป้าหมายตลาดระยะใกล้ ได้แก่ สิงคโปร์ เวียดนาม ฮ่องกง เกาหลีใต้ ไต้หวัน และญี่ปุ่น (ยกเว้นจีน) ระยะไกล ได้แก่ อังกฤษ เยอรมนี รัสเซีย อิสราเอล กลุ่มประเทศ GCC ฝรั่งเศสนอร์ดิก และอเมริกา เนื่องจากหลายประเทศในอียู เช่นอังกฤษเริ่มให้คนเดินทางออกนอกประเทศได้แล้วตั้งแต่วันที่ 17พ.ค.นี้

โดยจะเน้นกลุ่มที่เคยมาเที่ยวไทยอยู่แล้วเป็นหลัก เจาะเซ็กเม้นท์กลุ่มกำลังซื้อสูง เช่นเมดิคัลแอนด์เวลเนส มิลเลนเนียม กอล์ฟ ดำนํ้า ครอบครัว ไพเวทเจ็ท กลุ่ม Digital Nomad เป็นต้น ซึ่งแพ็คเกจทัวร์ระยะเวลา 7-8วัน เสนอขายในราคา 1.5-2.2 แสนบาทต่อคน สูงกว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยจากปกติเฉลี่ย 5 หมื่นบาทต่อคนต่อทริป       

นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วจะเข้ามาเที่ยวภูเก็ตโดยไม่ต้องกักตัว แต่เมื่ออยู่ที่ภูเก็ตครบ 5 วัน จะต้องตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR ถ้าไม่ติดเชื้อนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวในเดสติเนชั่นอื่น เช่นเกาะพีพี เกาะยาวเกาะพะงัน เป็นต้น แต่ถ้าตรวจพบเชื้อ ต้องไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว  ซึ่งภูเก็ตเองก็มีแผนบริหารความเสี่ยงในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ภูเก็ตยังได้วางเป้าหมายระยะยาวในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงไม่ว่าจะการท่องเที่ยวเชิงอาหาร, มารีน่า-ยอช์ต เมดิคัลแอนด์เวลเนส เพื่อสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นของภูเก็ตในปี2569 จากปัจจุบันที่ภูเก็ตมีรายได้จาการท่องเที่ยวในปี 62 อยู่ที่ 4.7 แสนล้านบาท

อีกทั้งหากจังหวัดภูเก็ตนำร่องโมเดล ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ได้ ภายในวันที่ 1 ต.ค.นี้ในอีก 9 จังหวัดที่เหลือได้แก่ กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ ชลบุรี บุรีรัมย์ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และกรุงเทพฯ ก็จะใช้โมเดลนี้เหมือนภูเก็ต ซึ่งรวม 10 จังหวัดนี้จะต้องใช้วัคซีนอยู่ไม่น่าจะเกิน 32 ล้านโดส เพื่อฉีดให้คนในพื้นที่คิดเป็นสัดส่วน 70% หรือไม่น่าจะเกิน 16 ล้านคน

รวมทั้งเพื่อเป็นการรองรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ คณะกรรมนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ หรือ ท.ท.ช. ก็จะมีการขอฉีดวัคซีนประมาณ 3.5 ล้านโดส เพื่อฉีดให้บุคลากรด้านการท่องเที่ยว และททท.จะทำแคมเปญ “V for Thailand” ซึ่ง V หมายถึงวัคซีน เพื่อรณรงค์ให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไปฉีดวัคซีนต้านโควิด-19

ชำนาญ สทท.

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)กล่าวว่าสทท.ได้หารือกับททท.เดินหน้าแก้ปัญหาวิกฤตโควิด เรามองว่า “V for Thailand” และการรณรงค์ “เราพร้อมฉีดวัคซีน”มีความสำคัญเพราะ“วัคซีนกระตุ้นเศรษฐกิจ” คืออนาคตท่องเที่ยวไทย สทท.สนับสนุนการเปิดเมือง ภูเก็ต โดยวอนรัฐบาล ช่วยหาและกระจายวัคซีนพื้นที่นำร่อง (จังหวัดภูเก็ต) ให้ได้ครบ 70% หรือ 100% ตาม Timeline เพื่อขับเคลื่อน และเดินหน้าเปิดเมืองภูเก็ต เป็นโมเดล ตัวอย่างต่อไป คือความหวังของภาคท่องเที่ยว

รวมถึงต้องกระตุ้นท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง การอัดฉีดจากภาครัฐ ยังคงจำเป็น กองทุนฟื้นฟู ภาคท่องเที่ยว ซ่อม/สร้าง ทั้งคนและแหล่ง วันนี้ภาคท่องเที่ยว อ่อนแอมากๆ ต้องการความช่วยเหลือ เยียวยา แรงสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อให้เรารอดไปด้วยกัน ส่วนภาคท่องเที่ยว ต้องตระหนัก ที่จะต้องทำแผนพัฒนาพื้นที่ จัดสมดุลใหม่จัดการอุปทานส่วนเกิน เน้นการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ

นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 หน้า 08 ฉบับที่ 3,680 วันที่ 20 - 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ข่าวเกี่ยวข้อง: