“สมเด็จ”สั่งปรับแผนสู้โควิด-19 ลุยปั้นผู้ส่งออก Gen Z

15 ม.ค. 2564 | 15:14 น.

DITP เปิดแผนทำงานปี 64  รับมือโควิด-19 เตรียมลุยพัฒนาผู้ประกอบการ ปั้น Gen Z เป็น CEO เป้า 12,000 ราย เพิ่มผู้ประกอบการกลุ่ม 60+ ดันผู้ประกอบการท้องถิ่นโกอินเตอร์ พร้อมเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นสินค้าไทย

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ปรับแผนการทำงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของปี 2564 เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ โดยมีแผนที่จะขับเคลื่อนการทำงานออกเป็น 2 ด้าน คือ การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ และการส่งเสริมสินค้าและธุรกิจบริการของไทยออกสู่ตลาดโลก


นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)

สำหรับการพัฒนาผู้ประกอบการ กรมฯ จะให้ความสำคัญกับการเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการรายใหม่ เข้าสู่เวทีการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้เป็นผู้มีส่วนช่วยขับเคลื่อนการส่งออกและนำรายได้เข้าประเทศ โดยจะเร่งพัฒนานักศึกษา Gen Z เป็น CEO มีเป้าหมาย 12,000 รายในปี 2564 พัฒนาผู้ประกอบการสูงอายุ 60+ ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น และพัฒนาผู้ประกอบการท้องถิ่นให้สามารถทำหน้าที่เสมือนเซลส์แมนของจังหวัดผลักดันสินค้าโกอินเตอร์
 

ทั้งนี้ กรมฯ ยังจะพัฒนาการให้บริการทางด้านการค้าระหว่างประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ผู้ประกอบการใช้งานได้ง่าย เช่น รวมบริการต่างๆ ของกรมฯ ไว้ในแอปพลิเคชันเดียว (DITP One) เปิดให้ปรึกษาด้านการค้าระหว่างประเทศได้ 24 ชั่วโมง และยังได้พัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลและโอกาสด้านการค้าระหว่างประเทศอัจฉริยะ (DITP Business AI) เพื่อให้ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์

“สมเด็จ”สั่งปรับแผนสู้โควิด-19  ลุยปั้นผู้ส่งออก Gen Z

ส่วนด้านการส่งเสริมสินค้าและบริการ จะเน้นการสร้างภาพลักษณ์สินค้าและธุรกิจบริการของไทยผ่านการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น เช่น แคมเปญ Trust Thailand เพื่อสร้างความมั่นใจต่อสินค้าไทย การรับรองมาตรฐาน COVID-19 Prevention Best Practice ในกระบวนการผลิตอาหารส่งออก และสร้างความเชื่อมั่นผ่านการมอบตราสัญลักษณ์ต่างๆ ให้กับสินค้าและบริการไทยที่มีคุณภาพ ได้แก่ TMark / Demark / Thai Select และ PM Award เป็นต้น
         

“สมเด็จ”สั่งปรับแผนสู้โควิด-19  ลุยปั้นผู้ส่งออก Gen Z

นอกจากนี้ จะเดินหน้าผลักดันการค้าออนไลน์และออฟไลน์ในรูปแบบต่างๆ ในการขับเคลื่อนการส่งออกอย่างต่อเนื่อง เช่น จัดกิจกรรม Online Business Matching ในทุกกลุ่มสินค้า และทุกตลาดที่มีศักยภาพ , ต่อยอดกิจกรรม Virtual / Hybrid Exhibition , ส่งเสริมการค้าออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม Thaitrade.com และขยายหน้าร้าน TOPTHAI Flagship Store บนแพลตฟอร์มพันธมิตรในต่างประเทศ , ต่อยอดกิจกรรมส่งเสริมการขาย In-store Promotion ผ่านทั้งออนไลน์และออฟไลน์ , จัดกิจกรรมรูปแบบ Mirror & Mirror ที่ตอบโจทย์ยุค New Normal ได้อย่างดี , ขยายการค้าสู่เมืองรองในตลาดที่มีศักยภาพ ผ่านการลงนามความร่วมมือกับเมืองและมณฑลต่างๆ ได้แก่ รัฐเตลังคานา (อินเดีย) มณฑลไห่หนาน (จีน) เมืองคยองกี (เกาหลีใต้) และผลักดันการขยายตลาดต่างประเทศผ่านโครงการ SMEs Pro-active ที่ขยายหลักเกณฑ์โครงการให้ครอบคลุมกิจกรรมในรูปแบบออนไลน์


         
ขณะเดียวกัน มีแผนผลักดันให้เกิดตัวแทนผู้ขายสินค้าออนไลน์ (Online Reseller) เพื่อเป็นตัวกลางในการเป็นผู้แทนจำหน่าย โดยการหาสินค้าไทยจากผู้ผลิตแล้วนำไปจำหน่ายต่อในต่างประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตรายกลางและรายเล็กของไทย มีโอกาสส่งออกได้เพิ่มขึ้น