“ญี่ปุ่น” ไฟเขียวนำเข้าหน่อไม้ฝรั่งไทย

20 ต.ค. 2563 | 10:52 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ต.ค. 2563 | 17:56 น.
580

เกษตรกรไทยเฮ “ กรมส่งเสริมการเกษตร” เปิดเวทีช่วยเจรจา ส่งออกหน่อไม้ฝรั่งส่งออกญี่ปุ่นสำเร็จ

เข้มแข็ง  ยุติธรรมดำรง

 

นายเข้มแข็ง  ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เผยว่า “หน่อไม้ฝรั่ง”  เป็นผักเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างมูลค่าและใช้หลักตลาดนำการผลิตเพื่อดำเนินการมาโดยตลอด ปัจจุบันพื้นที่ปลูกหน่อไม้ฝรั่ง มีประมาณ 12,200 ไร่ รูปแบบการรับซื้อหน่อไม้ฝรั่งมีทั้งการตกลงราคากันระหว่างบริษัทฯ ผู้รับซื้อกับเกษตรกร และการขายให้กับตลาด การเก็บเกี่ยวหน่อไม้ฝรั่ง มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตลอดทั้งปี โดยจะเก็บเกี่ยว 4 เดือน พักต้น 2 เดือน ซึ่งเกษตรกรจะมีการวางแผนการพักต้นสลับกันภายในกลุ่ม เพื่อให้มีผลผลิตส่งได้ตลอดทั้งปี ส่วนเกษตรกรที่ได้มีการทำสัญญากับบริษัท ธานียามา สยาม จำกัด (ตามสัญญาซื้อ ขายหน่อไม้ฝรั่ง ปี 2562/2563) มีกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกหน่อไม้ฝรั่ง จำนวน 16 กลุ่ม สมาชิก 347 ราย พื้นที่ประมาณ 645 ไร่ ใน 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครปฐม 2 กลุ่ม จังหวัดกาญจนบุรี 8 กลุ่ม จังหวัดราชบุรี 4 กลุ่ม จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดชัยภูมิ 1 กลุ่ม และจังหวัดลพบุรี 1 กลุ่ม

 

นางมาลินี ยุวนานนท์  ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีเกษตรกรกลุ่มผู้ผลิตหน่อไม้ฝรั่ง ได้ตกลงทำสัญญาซื้อขาย กับ บริษัท ธานียามา สยาม จำกัด ได้ดำเนินการต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยสัญญาซื้อขายหน่อไม้ฝรั่ง ประจำปี 2562/2563 ได้ครบวาระเมื่อเดือน กรกฎาคม 2563 แต่ด้วยสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงทำให้บริษัท ธานียามา สยาม จำกัด ไม่สามารถต่อสัญญาได้ในปี 2563/2564 กรมส่งเสริมการเกษตร จึงได้จัดเวที เพื่อให้บริษัท ธานียามา สยาม จำกัด และกลุ่มเกษตรกรได้มีโอกาสชี้แจงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และร่วมหาแนวทางในการดำเนินการ เพื่อให้ผ่านพ้นเหตุการณ์วิกฤตินี้ไปด้วยกัน โดย บริษัทฯ ชี้แจงว่าได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ไม่สามารถส่งออกผลผลิตได้ตามเดิม สาเหตุเกิดจากไม่มีพื้นที่ในเที่ยวบินที่สามารถขนส่งได้ อีกทั้งค่าส่งขนที่เกิดขึ้นมีราคาสูงมาก บริษัทฯ จึงได้ใช้วิธีการส่งออกทางเรือ ซึ่งใช้ระยะเวลาขนส่งนาน ทำให้ผลผลิตได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

 

 

“ญี่ปุ่น” ไฟเขียวนำเข้าหน่อไม้ฝรั่งไทย

 

แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้หาวิธีการที่จะรักษาคุณภาพของผลผลิตหน่อไม้ฝรั่ง โดยการนำเข้าเครื่องแช่แข็งเทคโนโลยีสูงจากประเทศญี่ปุ่น มาใช้ในการแช่แข็งหน่อไม้ฝรั่ง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการทั้งหมดเกี่ยวกับการประกอบเครื่องจักรชนิดนี้ และการนำเข้าประมาณ 7-8 เดือน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้คำมั่นสัญญากับเกษตรกรที่จะรับซื้อปริมาณผลผลิตทั้งหมด ในราคา ณ ปัจจุบัน ที่เป็นราคานอกสัญญา และจะปรับเพิ่มให้เหมาะสมตามสถานการณ์ รวมถึง เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายและดีขึ้น จะดำเนินการตกลงราคาเพื่อทำสัญญาซื้อขายหน่อไม้ฝรั่งตามเดิม ส่วนทางฝ่ายเกษตรกร ได้รับทราบ และเข้าใจถึงเหตุผลความจำเป็นของบริษัท พร้อมทั้งจะยังคงขายผลผลิตให้กับบริษัทฯ ตามที่แจ้งไว้ แต่ขอให้บริษัทพิจารณาในการปรับราคาให้เมื่อมีความเป็นไปได้