คอนเสิร์ต-อีเวนต์ออนไลน์พุ่ง รับ New Normal

ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ รวมถึงคอนเสิร์ต และอีเวนต์ต่างๆ ล้วนได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 หลังการปลดล็อกภายใต้มาตรการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น ทำให้ต้องเดินบนวิถีใหม่ หรือ New Normal ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัว ปรับกลยุทธ์ เช่นเดียวกับผู้บริโภคที่ต้องปรับพฤติกรรม ซึ่งพบว่าในช่วงระยะเวลาเพียง 2 เดือน การจัดงานคอนเสิร์ตและอีเวนต์กลับมาคึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

นายเสริมคุณ  คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ผู้นำธุรกิจสื่อสารการตลาดครบวงจร ทั้งงานอีเวนต์ , เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ และธุรกิจไลฟ์สไตล์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ บริษัทได้ปรับตัวสู้ศึกมาโดยตลอดทั้งในแง่ของกลยุทธ์การตลาด และปรับโครงสร้างการบริหารงานภายใน  ทั้งนี้หลังจากที่เปิดให้บริการมาประมาณ 2 เดือน ปรากฏว่ายอดจัดงานอีเวนต์ในสตูดิโอมีมากกว่า 20 งาน ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

โดยมีแบรนด์ต่างๆ ในหลายอุตสาหกรรมเข้ามาเช่าพื้นที่จัดงานและให้บริษัทดูแลจัดงานทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นงานเปิดตัวสมาร์ทโฟน, งานประชุมในกลุ่มธุรกิจขายตรง, งานสัมมนาทางการเงินของกลุ่มธนาคาร, งานในกลุ่มธุรกิจบันเทิงและคอนเสิร์ต, งานประชุมวิชาการนานาชาติ ตลอดจนกิจกรรมทางการตลาดในกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอางค์สกินแคร์ เป็นต้น

“เห็นได้ชัดเจนว่า แนวทางการจัดงานในยุคนี้ หลายๆ ธุรกิจเริ่มปรับตัวและส่วนใหญ่เริ่มทำกิจกรรมในรูปแบบ Hybrid Event  คือ การจัดอีเวนต์ในสถานที่จัดงานต่างๆ  ควบคู่ไปกับการทำออนไลน์อีเวนต์ โดยมีการ Live Streaming  ผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ ล่าสุดบริษัทเตรียมบุกตลาด เปิดธุรกิจ “Hybrid Event Hall”  พื้นที่จัดงานขนาดใหญ่ โดยจัดที่นั่งให้คนเข้าร่วมงานประมาณ 2,500 ที่นั่ง รองรับการจัดงานคอนเสิร์ต, งานอีเวนต์ทุกรูปแบบ, งานประชุม ตลอดจนงานสัมมนา โดยสามารถเข้าร่วมงานในฮอลล์ หรือ เลือกที่จะรับชมจากที่บ้านก็ได้”

สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 3 และ4 นี้ บริษัท มีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากเร่งปรับกลยุทธ์ต่างๆ มาฟื้นฟูกิจการ ลุยงานอีเวนต์ออนไลน์ รวมไปถึงการร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจ และจัดงานรูปแบบไฮบริด อีเวนต์ มีเพิ่มมากขึ้น หลังจากพบว่ามีผู้เข้าร่วมงานแฟร์ใหญ่ๆ ที่จัดขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นงาน Motor Expo 2020, งาน HomePro Expo 2020  

“บริษัทยังมีงานที่มีความต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3-4  รวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท และอยู่ในระหว่างพัฒนางานให้ลูกค้าอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ บริษัทยังมีงานในส่วนของพิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้ ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบ เข้ามาเสริมรายได้ให้กับบริษัท แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องยอมรับว่าจากผลกระทบของวิกฤติโควิด-19  คาดว่าในปีนี้ยังไม่สามารถทำกำไร และบริษัทได้ปรับโครงสร้างการบริหารงานของบริษัทในเครือ ให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูรายได้ ทั้งนี้ ในส่วนของผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2563 (เมษายน-มิถุนายน 2563) บริษัทมีรายได้รวม 37.55 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 78.66 ล้านบาท”