"ตาต่อ" แตกไลน์ชิงตลาดข้าวถุง 3 หมื่นล.

ยังไม่ถึง 1 เดือน “ตาต่อ” ยี่ห้อข้าวถุงน้องใหม่ป้ายแดง ซึ่งนำโดย 2 ทายาท สกุล “ตาปนานนท์”   ก็คือ “ปิยมน” นิคเนม "นิว"  และ “นนทิยา” นิคเนม "เยียร์" ได้ลงสู่สนามการค้าธุรกิจข้าวอย่างเต็มตัว โดยมีคุณพ่อ เป็น แบ็คอัพ อย่าง นายเกรียงศักดิ์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย ล่าสุด ส่ง “ข้าวหอมไทย” ป้อนตลาดอย่างต่อเนื่อง ชนิดคู่แข่งยังยืนงง เป็นไก่ตาแตก ตลาดข้าวถุงไทยมูลค่าตลาดประมาณ 3 หมื่นล้านบาทต่อปี

นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์  นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย และในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท รุ่งทรัพย์พืชผล เทรดดิ้ง จำกัด เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ผมเป็นคนรุ่นเก่า ลูกสาวเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นคนรับประทานข้าวไม่เหมือนกัน ผมก็ต้องฟัง และที่ผมดีใจที่สุด คนรุ่นใหม่หันมาสนใจในเรื่องข้าว และผมก็บอกกับลูกทั้งสองว่า ว่า "เราอย่าทำแค่คนเอาข้าวใส่ถุงขาย ให้ใส่ใจ ใส่รายละเอียด" แล้วก็พยายามหาความรู้ให้คนบริโภคข้าวได้เรียนรู้ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ ถึงแม้ว่าเราจะเป็นประเทศที่ปลูกข้าว แต่เราก็ยังไม่มีความรู้ในเรื่องข้าว และผู้บริโภคจะได้มีความสุขในการรับประทานข้าว เพราะข้าวในบ้านเรามีคุณสมบัติดีมากมาย รวมทั้งมีความหลากหลายเรื่องพันธุ์ข้าว

“คนไทยโดยพื้นฐานจะนิยมบริโภคข้าวเก่า เพราะถูกปลูกฝังเรื่องการหุงขึ้นหม้อ ก็เกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเราส่งออกข้าวใหม่ แต่เวลารับประทานจะรับประทานข้าวเก่า ในระหว่างนั้นผมมีโอกาสเป็นคณะกรรมการตรวจข้าว ได้พบเชฟร่วมแข่งขันมาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ ซีซัน 3 ซึ่งได้ตั้งคำถามว่าเคยมีสถิติการบริโภคข้าวหรือไม่  และการบริโภคข้าวใหม่และข้าวเก่า มีความแตกต่างกันอย่างไร เพราะผมเองกับลูกสาวนั่งเถียงกัน ลูกสาวชอบข้าวใหม่ ซึ่งผมก็บอกว่าข้าวใหม่ส่วนใหญ่จะส่งออก

เชฟก็ได้ให้คำตอบว่าความจริงการบริโภคข้าวใหม่จะได้รสชาติของข้าว  นิ่ม ความหอม ความเหนียว กลิ่น และรสสัมผัสดีกว่า แต่ว่าการหุงข้าวใหม่ต้องใช้น้ำพอดี ไม่งั้นข้าวจะแฉะ จึงได้กำหนดการใช้น้ำ 1 ส่วน ข้าว 1 ส่วน โดยเฉพาะเหมาะสำหรับรับประทานข้าวต้ม หากนำไปหุงเป็นข้าวต้มจะมีความข้นและความเหนียวนุ่ม ผมกับลูกสาวจึงตัดสินใจว่าจะแตกไลน์เป็นข้าวชนิดนี้ เพราะที่ผ่านมาก่อนหน้านี้เปิดข้าวกล้อง ก็มีกระแสการตอบรับที่ดีก็ถือโอกาสให้ลองข้าวใหม่ดู เพื่อเปิดมิติใหม่ อยากให้ทดลองชิมกัน เพราะข้าวใหม่จะเก็บเกี่ยวทั้งปี มีลักษณะ หอมนุ่ม หอมเหนียวนุ่ม ที่จะได้สัมผัสที่ดีกว่า อยากให้ทดลองกันดู เพราะข้าวเมืองไทยมีมากหลากสายพันธุ์

“สินค้าล่าสุดของแบรนด์ “ตาต่อ” เป็นข้าวหอมไทย หรือ Thai aromatic  เป็นข้าวใหม่พื้นนุ่ม โดยเน้นขายทางออนไลน์ ช่วยให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ได้แก่  Facebook ข้าวตาต่อ , Instagram @tatorrice  line: @tatorrice และทาง shopee  ที่คอยอัพเดทข้อมูล ความรู้เกี่ยวกับข้าว รวมถึงตัวผลิตภัณฑ์ของเรา ต่อไปปลายปีจะมีตัวใหม่อยากให้ชิมข้าวเป็นข้าวหอมมะลิต้นฤดู”

อย่างไรก็ตาม นายเกรียงศักดิ์ เผยว่า สถานการณ์ราคาข้าวไทยตอนนี้กำลังเหวี่ยงขึ้นลง แต่เป็นความ  โชคดีในโชคร้าย ผลผลิตออกมาไม่มาก ประสบปัญหาภัยแล้งปีนี้เข้าสู่ปีที่3  โชคร้ายสำหรับเกษตรกรที่ปลูกข้าว เป็นโชคดีที่ทำให้ราคาข้าวไม่ขึ้นลงเร็ว  ภาคกลางส่วนใหญ่จะเป็นการหว่านน้ำตม แต่ปีนี้หันมาหว่านแห้ง (สำรวย)เป็นการหว่านข้าวคอยฝน ในพื้นที่ลุ่มภาคกลาง ที่ปริมาณน้ำยังไม่เพียงพอ จึงเป็นการใช้วิธีหว่านข้าวค่อยฝน จะไปเกี่ยวประมาณปลายปี (ส.ค.-ก.ย.) ส่วนราคาข้าวเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา มีปัจจัยและองค์ประกอบอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย ก็คงจะต้องติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

สถานการณ์ราคาข้าวก่อนวันหยุดยาว