นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภาวะตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรกของปี 2565 และแนวโน้มปี 2565 ว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก ขยายตัว 2.2% เป็นผลมาจากการเครื่องชี้เศรษฐกิจขยายตัวเกือบทุกตัว โดยเฉพาะการส่งออกสินค้า
สำหรับเครื่องชี้ต่าง ๆ ในไตรมาสแรกที่ขยายตัว มีดังนี้
ด้านการใช้จ่าย
- การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัว 3.9%
- หมวดบริการเพิ่มขึ้น 4.4%
- หมวดสินค้าไม่คงทนขยายตัว 4.1%
- หมวดสินค้ากึ่งคงทนขยายตัว 0.4%
- หมวดสินค้าคงทนขยายตัว 3.8%
- ส่วนการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคของรัฐบาล ขยายตัว 4.6%
- การลงทุนรวม ขยายตัว 0.8%
- การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 2.9%
- การลงทุนในหมวดก่อสร้างลดลง 8.0%
- การลงทุนภาครัฐลดลง 4.7%
- การส่งออกสินค้า มีมูลค่า 73,288 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 14.6%
- การนำเข้าสินค้า มีมูลค่า 64,135 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 16.5%
ด้านการผลิต
- สาขาเกษตรกรรม การป่าไม้ และการประมง กลับมาขยายตัว 4.1%
- ดัชนีราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น 4.7%
- สาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 1.9%
- สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร ขยายตัวในเกณฑ์สูง 34.1%
- รายรับจากนักท่องเที่ยวชาวไทยอยู่ที่ 1.44 แสนล้านบาท ขยายตัวครั้งแรกในรอบ 11 ไตรมาส
- อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 36.15% สูงกว่า 26.25% ในไตรมาสก่อนหน้า
- สาขาการขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์ เพิ่มขึ้น 2.9%
- สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า เพิ่มขึ้น 4.6%
- สาขาการไฟฟ้า ก๊าซ ไอน้ำ และระบบปรับอากาศ เพิ่มขึ้น 2.0%
ส่วนทั้งปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจไทย จะขยายตัว 2.5 - 3.5% โดยปรับลดลงจากเดิมที่ประเมินว่าจะขยายตัว 3.5 – 4.5% เพราะยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การขยายตัวของเศรษฐกิจ และการค้าโลกที่ขยายตัวลดลง รวมทั้งปัจจัยราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยประเมินเครื่องชี้ต่าง ๆ ดังนี้
- มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ จะขยายตัว 7.3%
- การอุปโภคบริโภคขยายตัว 3.9%
- และการลงทุนภาคเอกชน ขยายตัว 3.5%
- การลงทุนภาครัฐขยายตัว 3.4%
- อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ในช่วง 4.2 - 5.2%
- ดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มขาดดุล 1.5% ของ GDP
"ภาวะขัดแย้งในรัสเซียและยูเครน แต่เศรษฐกิจไทยก็ยังขยายตัวอยู่ แต่ก็ต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป เพราะจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ โดยเฉพาะเรื่องพลังงาน และปัจจัยการผลิต ทั้งปุ๋ยและข้าวสาลี ที่ไทยจะได้รับผลกระทบแน่นอน" เลขาฯ สศช. ระบุ
ส่วนประเด็นการบริหารเศรษฐกิจในปี 2565 ควรให้ความสำคัญกับเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
1.การรักษาแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน ประกอบด้วย
- การติดตาม เฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19
- การดูแลและแก้ไขปัญหาหนี้สินของครัวเรือน
- การดูแลกลไกตลาดเพื่อให้ราคาสินค้าเคลื่อนไหวสอดคล้องกับต้นทุนการผลิต
- การดูแลกลุ่มที่มีความเปราะบางต่อการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า
2.การสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวเนื่อง ประกอบด้วย
- การส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ
- การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อสูง
- การพิจารณามาตรการสินเชื่อและมาตรการอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถกลับมาประกอบธุรกิจ
- การยกระดับศักยภาพและฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพและยั่งยืน
3.การรักษาแรงขับเคลื่อนจากการส่งออกสินค้า ประกอบด้วย
- การขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าสำคัญไปยังตลาดหลักและการสร้างตลาดใหม่ให้กับสินค้าที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่ได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน
- การพัฒนาสินค้าส่งออกให้มีคุณภาพและมาตรฐาน
- การใช้ประโยชน์จากกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ควบคู่ไปกับการเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรีที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา และการเตรียมศึกษาเพื่อเจรจากับประเทศคู่ค้าสำคัญใหม่ ๆ
- การปกป้องความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิต
4.การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน ประกอบด้วย
- การเร่งรัดให้ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติและออกบัตรส่งเสริมการลงทุนให้เกิดการลงทุนจริง
- การแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและการประกอบธุรกิจ
- การดำเนินมาตรการส่งเสริมการลงทุนเชิง
- การส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษต่าง ๆ
- การลงทุนพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งที่สำคัญ ๆ
- การพัฒนากำลังแรงงานทักษะสูงเพื่อรองรับกับอุตสาหกรรมที่เน้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้มข้น
5.การขับเคลื่อนการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ
6.การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกร ประกอบด้วย
- การบริหารจัดการน้ำอย่างเหมาะสมเพื่อเตรียมการรองรับฤดูกาลเพาะปลูก
- การบรรเทาผลกระทบจากปัญหาต้นทุนวัตถุดิบทางการเกษตรเพิ่มขึ้น
7.การติดตาม เฝ้าระวัง และเตรียมมาตรการรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินโลก