“เดือด” นับถอยหลังศึกชิง นายก อบจ.

22 ม.ค. 2568 | 13:19 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ม.ค. 2568 | 13:36 น.

“ทักษิณ”โหมหนักโค้งสุดท้าย เดินสายหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อีสาน 3 วัน 4 จังหวัด 9 เวที พร้อมวางคิวลุยซ้ำอีสาน 4 เวทีศรีสะเกษ 24-25 ม.ค. ก่อนปิดเกมเชียงราย-เชียงใหม่ 29-30 ม.ค. ขณะที่“ธนาธร-พิธา-เท้ง”ลุยชูการเปลี่ยนแปลง-โปร่งใส

KEY

POINTS

  • “ทักษิณ”โหมหนักโค้งสุดท้าย เดินสายหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อีสาน 3 วัน 4 จังหวัด 9 เวที 
  • เปิดคิว“ทักษิณ”ลุยหาเสียงยาว ลงซ้ำอีสาน 4 เวทีศรีสะเกษ 24-25 ม.ค. ก่อนปิดเกมเชียงราย-เชียงใหม่ 29-30 ม.ค. 
  • ขณะที่พรรคประชาชน “ธนาธร-พิธา-เท้ง” แยกทีมเดินสายหาเสียงช่วยผู้สมัคร ชูการเปลี่ยนแปลง-ความโปร่งใส
     

จากวันนี้ไปจนถึง วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน จะมีการหย่อนบัตรเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) 47 จังหวัด และ เลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด (ส.อบจ.) 76 จังหวัด

ขณะที่การหาเสียงช่วง “โค้งสุดท้าย” มีความคึกคักเป็นอย่างมากทั้งของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือ เพื่อไทย และ ประชาชน ที่ส่งตัวแทนเปิดหน้าลงชิงเก้าอี้ ยังไม่รวมถึงผู้สมัคร นายก อบจ. ที่ลงอิสระ แต่มี “บางพรรคการเมือง” แอบหนุนอยู่เบื้องหลัง  

“ทักษิณ”โหม 3 วัน 4 จว. 9 เวที  

เริ่มจาก พรรคเพื่อไทย ที่ นายใหญ่-นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อาสาเป็นผู้ช่วยหาเสียง ลงทุนลงแรงเดินสายหาเสียงช่วยผู้สมัครอย่างคึกคัก

โดยตั้งแต่วันที่ 18-20 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา นายทักษิณ ได้ลงพื้นที่ จ.นครพนม ปราศรัยหาเสียง 3 เวที จ.บึงกาฬ ปราศรัย 1 เวที จ.หนองคาย ปราศรัย 2 เวที และ จ.มหาสารคาม ปราศรัย 3 เวที 
 

สำหรับการปราศรัยของ นายทักษิณ จะมุ่งเน้นไปที่นโยบายของรัฐบาล อาทิ นโยบายแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 และ เฟส 3,  นโยบายการสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์, นโยบายการลดค่าไฟฟ้าให้เหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย, นโยบายการลดราคาน้ำมัน นโยบายขึ้นค่าแรง เป็นต้น

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. นายทักษิณ ลงพื้นที่มหาสารคาม หาเสียงช่วยนายพลพัฒน์ จรัสเสถียร น้องชาย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ที่ปรึกษาของนายกฯ โดยนายทักษิณ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้คนเสื้อแดงมาเยอะ หลายคนตนเองรู้จัก และทราบข่าวต่อสู้ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขอบคุณมากๆ ที่เราช่วยกันรักษาประชาธิปไตยให้กับประเทศ

นายทักษิณ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไม่สนใจการเมืองท้องถิ่น เพราะไม่คิดว่าต้องใช้ประโยชน์ ตนมาวันนี้ จริงจังมากเรื่อง อบจ. เมื่อก่อนไม่ได้จริงจังมาก เพราะเราไม่รู้ว่าต้องใช้ประโยขน์จากการเมืองท้องถิ่นมากขนาดนี้ 

วันนี้เห็นชัดว่าเราจะต้องพัฒนาคน ต้องมีกลไกท้องถิ่น เพื่อคัดคนที่อยากพัฒนาตัวเอง ในเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ หากอยากทำกับข้าวฝรั่ง ญี่ปุ่นได้ เพื่อไปเป็นเชฟในโรงแรมใหญ่ๆ หรือในต่างประเทศ รวมถึงเรื่องกีฬา ความสามารถด้านอื่นๆ จะพัฒนาทักษะ จึงต้องอาศัย อบจ. รวมทั้งมหาวิทยาลัยในพื้นที่ทั้งคัดและอบรม

“วันนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ผมอยากได้นักการเมืองท้องถิ่น ที่เป็นเพื่อไทย ที่จะได้ช่วยกันคัด และพี่น้องจะได้ช่วยกันใช้นักการเมืองท้องถิ่นของเรา ส่งข้อมูลข้อความทั้งหมดไปยังรัฐบาล จึงขอพี่น้องช่วยคัดมือไม้ให้ผมหน่อย มือไม้ของผมก็คือนายก อบจ. และ สมาชิก อบจ.”

ฉะพวกปฏิวัติทำบ้านเมืองแย่

ต่อมาที่โรงฝึกกีฬาอเนกประสงค์ สถาบันการพละศึกษา วิทยาเขตมหาสารคาม อ.เมือง จ.มหาสารคาม นายทักษิณ ได้ขึ้นปราศรัยตอนหนึ่งว่า พรรคเพื่อไทยต้องทำให้พี่น้องอยู่ดีกินดี เหมือนสมัยไทยรักไทยที่ตนอยู่ วันนี้ตนกลับมาแล้ว ต้องเอาความมั่งคั่งของคนไทยกลับคืนมาให้ได้

“ผมจากไป 17 ปี ไอ้พวกปฏิวัติไล่ผมไป นึกว่าจะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น แต่วันนี้กลับแย่ลง และเกิดควายโผล่มาหลายตัว ควายเขาเก คอยไล่ขวิดอยู่เรื่อย พี่น้องเราต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้ได้ วันนี้มีเรื่องต้องทำอีกเยอะ แต่กำลังใจจากพี่น้องเป็นเรื่องสำคัญ เพราะตังค์มีเยอะแล้วไม่เดือดร้อน 

มีคนบอกว่า ผมโกง โกงพ่อมึงสิ ผมเข้ามาการเมืองเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนนั้นประกาศทรัพย์สินทั้งที่ ป.ป.ช. ไม่บังคับ ผมประกาศมีทรัพย์สินกว่า 60,000 ล้าน เพราะทำธุรกิจมา สร้างเนื้อสร้างตัวมา วันนี้โดนยึดไป 46,000 ล้าน ยังไม่ร้องสักคำเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นเงินที่ทำมาหากินมาแท้ ๆ คำก็โกง สองคำก็โกง ก็มึงตั้งคณะกรรมการเฮงซวยมาสอบ ตอนที่กูรวย มึงยังเพิ่งขอตังค์พ่อใช้อยู่เลย” นายทักษิณ ระบุ

“หญิงเสื้อแดง”ปาของใส่ 

หลังจากนั้น นายทักษิณ ได้ไปที่ ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม เพื่อปราศรัยเป็นเวทีสุดท้าย โดยระหว่างปราศรัยมีผู้หญิงคนหนึ่งส่วมเสื้อสีแดง ขว้างสิ่งของขึ้นไปบนเวที จนการ์ดและมวลชนในบริเวณนั้น ต้องเข้าระงับสถานการณ์ และพาตัวผู้หญิงคนดังกล่าวออกไปจากเวที 

ทำให้นายทักษิณ ระบุว่า “ไม่เป็นไร คนไทยต้องให้อภัยกัน บางทีคนเราก็เก็บกด ไม่มีปัญหา ใจเย็นๆ พี่น้อง คนเราบางทีมีปัญหาหนี้สินมั้ง บางทีมีปัญหาครอบครัวบ้าง บางทีมีปัญหาทางจิตบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา เราคนไทยด้วยกันให้อภัย พร้อมที่จะดูแลกันและกัน ไม่เป็นไร ” เมื่อ นายทักษิณ พูดจบ ได้มีมวลชนปรบมือให้

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวตามไปถามหญิงคนก่อเหตุดังกล่าว ได้คำตอบว่า ชื่อว่า อ้วน มาจาก อ.วาปีปทุม ครอบครัวแตกสลาย พินาศชิบหาย ตั้งแต่ปี 2552 แล้ว เพราะเป็นเสื้อแดง คนที่ไม่ชอบเสื้อแดงจึงไม่มาอุดหนุน ค้าขายไม่ดี คนเสื้อเหลืองก็ไม่มาซื้อ ก่อนที่ตำรวจจะได้พาขึ้นรถไปส่งที่บ้าน

คิว“ทักษิณ”หาเสียงซ้ำอีสาน-เหนือ

สำหรับกำหนดการหาเสียงคิวต่อไปของ นายทักษิณ ชินวัตร ก่อนที่จะเลือกตั้งในวันที่ 1 ก.พ.นั้น ระหว่างวันที่ 24-25 ม.ค. ยังคงเดินสายภาคอีสาน หาเสียงช่วย นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ผู้สมัครนายก อบจ.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย โดยวันที่ 24 ม.ค. ปราศรัยที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ และ เวทีที่ 2 สนามฟุตบอลที่บ้านสวนของ นายธเนศ เครือรัตน์ ส.ส.ศรีสะเกษ 

ส่วนวันที่ 25 ม.ค. นายทักษิณ จะขึ้นเวทีที่หอประชุมศรีกิจปรางค์เจริญไทย โรงเรียนปรางค์กู่ อ.ปรางค์กู่ และ เวทีที่ศูนย์ประสานงาน พรรคเพื่อไทย (สนามกีฬาผู้ใหญ่เฮง) อ.อุทุมพรพิสัย 

ก่อนปิดท้ายวันที่ 29-30 ม.ค. หาเสียงช่วยผู้สมัคร นายก อบจ. ที่ จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ 

                         “เดือด” นับถอยหลังศึกชิง นายก อบจ.

“เท้ง-ธนาธร”ลุยหาเสียง อบจ.

ด้านความเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคประชาชน(ปชน.) ในการลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัครเลือกตั้ง นายก และ ส.อบจ. นั้น

ที่จ.ลำพูน เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2568  ที่ตลาดจตุจักร พรรคประชาชนเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ โดยมี เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย นายวิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก  สส.ลำพูน พรรคประชาชน นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียง นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้ช่วยหาเสียง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียง และ นายวีระเดช ภู่พิสิฐ ผู้สมัครนายก อบจ.ลำพูน ขึ้นเวทีปราศรัย ท่ามกลางแฟนคลับมาให้กำลังใจจำนวนมาก 

บรรยากาศเป็นไปอย่างคุกรุ่น แกนนำต่างเปล่งวาทะกรรมขอความเปลี่ยนแปลงให้คนลำพูนเมืองประชาธิปไตย ขอให้ใช้วันที่ 1 กุมภาฯ เปลี่ยนแปลงให้พรรคประชาชนบริหารทั้ง นายก อบจ. และ ส.อบจ.ทั้งจังหวัด 

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าสำคัญ นายก อบจ.ลำพูน มีงบประมาณบริหาร 400 ล้านบาท หากอยู่ 4 ปี จะมีเงินจากภาษีของประชาชนมาบริการจังหวัด รวมถึง 1,600 ล้านบาท ภาษีที่ถูกนำมาบริหารเป็นของประชาชน ควรบริหารอย่างคุ้มค่า บริหารแบบใหม่ไม่เดิมๆ เหมือนที่ผ่านมา 

นายธนาธร ย้ำว่า คนลำพูนยังมีคุณภาพชีวิตที่ไม่ดีขึ้น จากภาษี จากการบริหาร และประชาชนควรสนใจการเมืองทั้งระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ เพราะภาษีของประชาชน จะถูกการเมืองนำมาใช้จะเกิดประโยชน์ หรือหาประโยชน์ ควรเข้าไปรับรู้  

“หากผู้สมัครพรรคได้รับการเลือกตั้ง ก็จะจัดให้มีการประชุมสภาออนไลน์ถ่ายทอดสดให้ประชานได้ดูรับทราบไปพร้อมกัน ต้องสร้างการเมืองให้โปร่งใสดีขึ้น” นายธนาธร ระบุ

ต่อมาวันที่ 20 ม.ค. 2568 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ร่วมเดินแนะนำตัว นายจักรพันธ์ จินตนาพากานนท์ ผู้สมัครนายก อบจ.นครนายก เบอร์ 2 พรรคประชาชน และทีม ส.อบจ.พรรคประชาชน นำเสนอนโยบาย อบจ.ของพรรคประชาชน พร้อมขึ้นคาราวานรถแห่หาเสียง

"พิธา"ลุยหาเสียงพังงา-ภูเก็ต 

ขณะที่เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2568 ที่ตลาดลองแล หมู่ 6 ต.กะไหล อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล , นายศรายุทธ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน ได้นำทีมหาเสียงช่วย นายสุทธิโชค ทองชุมนุม ผู้สมัครนายก อบจ.พังงา หมายเลข 3 พรรคประชาชน 

จากนั้นได้ขึ้นรถแห่รอบตัวเมืองพังงา ปราศรัยหาเสียงที่ศูนย์อาหาร คุณลิ้นจี่ ต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมือง จ.พังงา โดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้ชูนโยบายพรรคประชาชน ให้ความสำคัญกับ ครู, คลัง, ช่าง, หมอ และ ความโปร่งใส จังหวัดพังงาต้องการทำ 3 อย่าง จากที่พัง ทำให้ปัง คือ อนุสาวรีย์เรือ ต.813 , ศาลาเขาช้าง และ บ่อขยะ 

หลังจากนั้น คณะของ นายพิธา ได้ไปหาเสียงช่วยผู้สมัคร นายก อบจ. ที่จังหวัดภูเก็ต

ก่อนจะถึงวันเสาร์ที่ 1 ก.พ. 2568 การหาเสียง อบจ. จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ มารอดูกันว่าช่วงโค้งสุดท้าย พรรคใดจะมี “ไม้เด็ด” ออกมาเพื่อเรียกคะแนนเสียงอีกหรือไม่... 

รายงานพิเศษ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 44 ฉบับที่ 4,064 วันที่ 23 - 25 มกราคม พ.ศ. 2568