เปลี่ยนภพภูมิด้วยหัวใจ

13 เม.ย. 2566 | 03:00 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.ค. 2566 | 19:41 น.

เปลี่ยนภพภูมิด้วยหัวใจ คอลัมน์ ทำมาธรรมะ โดย ราชรามัญ

ในหลักของพระพุทธศาสนาที่สอนเรา จะได้ยินคำว่า ภพภูมิ อยู่บ่อยครั้ง คำว่าภพภูมิ ในที่นี้หมายถึง แดนเกิด ซึ่งถ้าเราจะแยกแยะกันอย่างชัดเจนก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ

ภพภูมิแรก หมายถึง ชีวิตของเราหลังความตาย นั่นหมายความว่า เมื่อเราละสังขารจากสภาพกายหยาบนี้ แต่จิตวิญญาณของเรายังไม่ตาย เราก็ต้องไปเกิดในภพภูมิอื่น ซึ่งจะไปเกิดในภพภูมิไหนก็ขึ้นอยู่แต่ผลของการกระทำของเรา ที่ทำไว้ตอนที่มีชีวิตเป็นกายหยาบหรืออาจจะเรียกอีกนัยหนึ่งว่าบุญกรรมก็ได้

ซึ่งความหมายภพภูมิแบบนี้ พุทธศาสนาเถรวาทมักจะคุ้นเคยและได้ยินกันบ่อยครั้ง พระสงฆ์องค์เณรก็นิยมนำเอามาเผยแพร่สอนกับพุทธนิกชนเพื่อให้เข้าใจในเรื่องของการเวียน ว่าย ตาย เกิด หรือที่เรียกว่าวัฏสงสาร เพิ่มมากขึ้นแต่ถึงอย่างไรก็ตามภพภูมิแบบนี้ไม่ว่าใครก็ต้องเป็นไปเช่นเดียวกัน

 

แต่มีภพภูมิอีกอย่างหนึ่งซึ่งเราสามารถสัมผัสได้ทั้งๆ ที่เรายังไม่ต้องละสังขารหรือตาย เป็นภพภูมิในปัจจุบันที่เราอยู่นี่แหละ แต่เราสามารถเปลี่ยนภพภูมิด้วยหัวใจของเรา นั่นหมายความว่า เราได้เรียนรู้และศึกษาเพื่อจะเปลี่ยนภพภูมิหัวใจของเรานั่นเอง ให้มีภพภูมิที่สูงขึ้นมองโลกต่างๆ อย่างมีความสุขในทุกๆ มิติและมีความทุกข์น้อยลง 

ภพภูมิแบบนี้จะว่าไปแล้ว ถ้าใครได้สัมผัสย่อมมีความสุขจริงๆ และทุกคนสามารถทำได้จะโดยอาศัยการปฏิบัติธรรมด้วยวิธีการต่างๆ หรือจะอาศัยหลักคิดปรัชญาเพื่อเปลี่ยนมุมมองในการใช้ชีวิตก็ได้ ล้วนแล้วแต่สามารถทำให้คุณเปลี่ยนภพภูมิของหัวใจตัวเองได้ 

จากที่เคยมองโลกด้วยความทุกข์เห็นอะไรก็มีแต่ปัญหา แต่เมื่อภพภูมิของหัวใจเราสูงขึ้น สิ่งที่เรามองว่าเป็นปัญหานั้นกลับกลายเป็นเรื่องดีให้เราได้เรียนรู้ฟันฝ่า แล้วก็ผ่านพ้นจากเจ้าปัญหานั้นได้ที่สุด ปัญหามันก็จะกลายเป็นแค่ปรากฏการณ์ชนิดหนึ่งที่เข้ามาในชีวิตเท่านั้นเอง

การเปลี่ยนภพภูมิด้วยหัวใจของเราเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญจะทำให้เราเบิกบาน ทำอะไรก็มีความสุข ความสำเร็จก็ตามมา แต่ถ้าเราไม่ยอมเปลี่ยนภพภูมิที่หัวใจของเรา ต่อให้เรามีฐานะดี ต่อให้เรามีสุขภาพที่ดี ความสุขก็ย่อมยังไม่เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ 

ดังนั้น เรามาเปลี่ยนภพภูมิชีวิตเราทั้งๆ ที่เรายังไม่ตายกันดีกว่า บางคนอาจจะไม่ชอบการปฏิบัติธรรมก็ให้เปลี่ยนที่วิธีคิด วิธีมองโลก มองโลกแบบไม่หยุมหยิม มองโลกแบบไม่เป็นอคติ มองโลกแบบมีความสุข มีแต่สิ่งที่ดี เพียงแค่นี้ใจเราก็ค่อยๆ สูงขึ้นแน่นอนบางครั้ง เราอาจจะโกรธใครเราก็มีสิทธิ์โกรธ แต่โกรธแล้วเราต้องหายให้เร็วเพราะถ้าเรายิ่งหายเร็วนั่น เท่ากับใจเราสูงขึ้นกว่าเดิมมากขึ้น 

ถ้าภพภูมิในปัจจุบันใจเรายังสูงขึ้น เท่ากับเราเปลี่ยนภพภูมิให้กับตัวเราเองแล้ว เมื่อเราเปลี่ยนภพภูมิให้กับตัวเราเองแล้วตั้งแต่ปัจจุบัน ชีวิตหลังความตายของเราก็ย่อมมีคติมีภพภูมิที่ดีอย่างแน่นอน เพราะทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนเป็นดั่งกันและกัน เชื่อมโยงกันถึงกันทั้งสิ้น ปัจจุบันมีผลทางความคิดและจิตใจอย่างไร ชีวิตหลังความตายก็จะเลือกภพภูมิไปตามภาวะของจิตใจที่เป็นอยู่เช่นนั้นเอง