ความสุขของศดา

16 มี.ค. 2566 | 03:00 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.ค. 2566 | 20:57 น.

ความสุขของศดา คอลัมน์ ทำมาธรรมะ โดย ราชรามัญ

พุทธศาสนา ในหลักของคำสอนท่านเน้นให้เชื่อในเรื่องของกรรมเป็นที่ตั้ง ทั้งกรรมใหม่ ที่ทำในปัจจุบัน และให้ยอมรับในกรรมเก่าที่เป็นดุจเงาตามตัวมา เพราะทุกคนต่างหลีกหนีไม่พ้นทั้งสิ้น

ต้นร้ายปลายดี..เป็นวิถีอีกหนึ่งชีวิตของ ศดา ผู้ที่มาจากแดนอีสาน สู้ชีวิตทุกอย่างเพื่อการดำรงอยู่ เพื่อปรารถนาให้มีชีวิตดี แต่ทว่ากรรมต่างนำพาเธอไปพบเจอสิ่งที่ไม่ควรเจอมากมาย กว่าจะก้าวข้ามผ่านพ้นมาได้ก็ต้องบอกว่า เพราะบุญเก่า และกรรมดีที่พอมีนำพาเธอให้มาในวิถีปัจจุบัน

การไหว้พระสวดมนต์ ตลอดทั้งการทานมังสวิรัติในบางช่วงและการบวชเป็นผ้าขาวศีลแปด เป็นการต่อบุญบารมีให้เธอได้อย่างอัศจรรย์ จากชีวิตติดลบได้พบแต่สิ่งที่ดี นี่เรียกว่า บุญหนุนนำ

พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนว่า ในบรรดากรรมทั้ง 3 กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม กรรมที่แรงที่สุด คือ มโนกรรม คือ ความคิดและความรู้สึก เพราะจะส่งผลแรงและเร็ว เมื่อเราคิดลบ คิดร้าย สิ่งร้ายจะเข้ามาในชีวิตไม่มีวันจบสิ้น แต่ถ้าเราคิดดี คิดแต่กุศล มองโลกตามวิถีกุศลจริงๆ  

ความสำเร็จของมนุษย์ ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่อายุ แต่ขึ้นอยู่ที่ว่า "คิดเป็น คิดได้เมื่อไหร่" นั่นต่างหาก ศดาไม่ใช่คนเคร่งศาสนา แต่ก็ปฏิบัติอยู่ในรอยของคำสอนตามเหตุปัจจัย มีสนุกเฮฮากับเพื่อนบ้างตามกาล 

แต่เรื่องการบุญกุศลไม่เคยขัด แม้เธอเองก็ตักบาตรอยู่เนืองๆ ในวันหยุด วันนี้ศดามีความสุขกับชีวิตในปัจจุบันที่ดำรงอยู่ได้ไม่ลำบาก ทำขนมออกจำหน่ายบ้าง ดูแลลูกๆ และคนใกล้ชิดคนรักตลอดทั้งเพื่อนพ้อง เป็นความสุขแบบบ้านๆ แต่คลาสสิก

"ความคิดเป็นแบบไหนจิตใจเป็นแบบนั้น" และคิดกุศลก็ได้กุศล คิดลบคิดร้ายอกุศลก็จะมีชีวิตวนเวียนกับเรื่องร้ายได้เสมอ
นี่คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า 

กรรม เป็นสรณะที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย สุขและทุกข์เริ่มต้นมาจากความคิดความรู้สึก แม้แต่ความโกรธก็เริ่มต้นมาจาก อารมณ์ร้อน อารมณ์ร้าย เมื่อใครคิด-พูด-ทำ ไม่เหมือนดั่งใจที่เราต้องการ 

ใครอยากมีความสุขในชีวิต พบเจอแต่สิ่งที่ดี ต้องเริ่มจากมโนกรรม คือ ความคิด ความรู้สึกที่ดีเสียก่อน ศดา ไม่ใช่ไฮโซคนมีชื่อเสียง แต่ด้วยกุศลในใจที่คิดดี มีมโนกรรมที่ดี จึงทำให้พบเจอแต่สิ่งที่ดี

ทุกอย่างเริ่มต้นจากความคิด ความรู้สึก คนที่คิดร้าย คิดอกุศล จิตใจหยาบกระด้าง ไร้ความเมตตา ความกรุณาในหัวใจ ชีวิตจะพบแต่ความวิบัติตลอดกาล ครั้นจะดีก็เหมือนผีรั้งดึงขาไว้ ผีที่ว่าไม่ใช่ผีที่ไหน ผีที่มันฝังอยู่ในจิตใจเราเองนั้นแหละ 

ธรรมะ ทำให้จิตใจคลายทุกข์ได้ สร้างกุศลได้ และที่สำคัญ เปลี่ยนการเห็นจากเดิมได้ชัด ไม่เห็นกงจักรเป็นดอกบัวแน่นอน และ เมื่อจิตใจเปลี่ยนสูงขึ้นเป็นลำดับ คนที่จิตใจต่ำไม่พัฒนาก็จะค่อยๆ จากลาเราไปเองทีละคนสองคน เหมือนที่กฎแห่งกรรมมีบันทึกไว้ว่า คนเหมือนกันจะถูกนำพามาพบและเจอกัน เหมือนกับศดาที่ได้พบนั่นเอง

กรรมจึงมีจริงด้วยเหตุนี้ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอน

 

ติดตาม ราชรามัญ ที่นี่