มณเฑียร ข้าวมันไก่โรงแรม

01 ต.ค. 2565 | 12:55 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ต.ค. 2565 | 19:59 น.
3.4 k

คอลัมน์อิ่ม_โอชาฯ โดย Joie de La Cuisine

สัปดาห์ก่อนคอลัมน์ข้างๆนี้เขาเขียนแนะชี้ชวนว่าน่าไปกินข้าวโรงแรมกันจะไปไหนดี
 

ก็การณ์อันว่าถ้าเกิดนักธุรกิจผู้หนึ่ง นึกอยากข้าวมันไก่ขึ้นมา เเละเขาคิดอยู่ว่าคู่ค้าของเขาน่าจะนึกอยากกินด้วย

ปวงเขาควรคงจะนัดกันที่โรงแรมมณเฑียร ตรงสุรวงศ์ ล่ะซี เพื่อสำเร็จความประสงค์ด้านไก่ตอนเนื้อหนั่นหนังนุ่มแนมเครื่องใน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสามสี่แบบ น้ำแกงฟักรสดั้งเดิม และข้าวมันที่มีบริกรคอยดูแลเติมใส่ภาชนะกระเบื้องเคลือบอย่างมิรอให้พร่อง ในระหว่างที่คู่เจรจาทั้งสองคุยสานต่อธุรกิจกลางมื้ออาหารอย่างมิพักให้ต้องขาดตอน ดังรูปปรากฏนี้
 

อันโรงแรมมณเฑียรนี้ คุณมณเฑียร คุณหญิงทิพยวรรณ ตันตกิตติ์ ท่านก่อร่างสร้างขึ้นมา ประดาลูกทีมผู้ให้บริการมีความเปนมืออาชีพรื่นเริงและขยันขันแข็ง เปนที่น่าวางใจตั้งแต่ผู้ให้บริการ doorman มาหัวหน้าห้องอาหาร ยันจีเอ็มผู้จัดการ ข้างหน้าก็มีศูนย์พระเครื่องโออ่า เดินฆ่าเวลาดูศิลปวัตถุสบายจริง

เวลานี้ ห้องอาหารเรือนต้นเปลี่ยนแปลงใหม่ ค่านิยมเก่าๆ จางหายไปบ้างก็ตามกาลเวลา บริกรยุคใหม่เห็นคนมากินเปนลูกค้าธรรมดามากกว่าเห็นว่ามาแขกของโรงแรมที่ต้องรับรองตามมาตรฐานงานบริการแบบเก่า
 

นักชิมรุ่นใหม่ตามรุ่นใหญ่ไปกิน business lunch นี้ด้วยมิสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ 55 ธนทรัพย์ จามีกร หลังจากอิ่มอร่อยเเล้วเขียนริวิวส่งมาแทนคำขอบคุณว่า
 

จุดเด่นของข้าวมันไก่มณเฑียรนั้นจะอยู่ที่ไก่ตอนที่ได้คัดสรรและผ่านกรรมวิธีการปรุงมาอย่างดี จนทำให้ได้เนื่อไก่แน่น นุ่ม และสามารถคงความฉ่ำในเนื้อหนานุ่มไว้ได้ ทานคู่กับน้ำจิ้มทั้ง4ชนิด คือ น้ำจิ้มแบบแรก จะเป็นขิงสับ น้ำเต้าเจี้ยว พริกสดซอย น้ำมะนาว กระเทียม รากผักชี  น้ำจิ้มซีอิ๊วแบบที่สอง จะมีความเผ็ดมากกว่าแบบแรกและรสจัดจากการใส่น้ำส้มสายชูกลั่นลงไป ส่วนน้ำจิ้มสองตัวที่เหลือคือ น้ำจิ้มขิงสุกสับ และซีอิ๊วดำหวาน ยามจะรับประทานสังเกตว่าพวกรุ่นใหญ่ท่านโรยซีอิ้วดำลงบนข้าวมันเมล็ดเต่งเสียก่อน แล้วเคี้ยวกินแต่ข้าว จากนั้นจึงเลือกคืบส่วนไก่ที่ตัวเองชอบ จุ้มลงไปในน้ำจิ้มแต่ละอย่าง เพื่อดื่มด่ำกำซาบรสชาติที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละคำ ช่างเป็นการกินข้าวคำไก่คำที่น่าสนใจในวิทยายุทธนักชิมจริงๆครับ


 

ฟังเขาคุยกันได้ความว่า เบอร์ใหญ่ๆอย่างรองนายกรัฐมนตรีนั้น ท่านกินเนื้อปีกถอดกระดูกติดหนัง ในขณะที่อีกพวกของท่านกินอกไก่เนื้อลีน แต่สรรเสริญไม่ขาดปาก ว่าเนื้อนุ่มแน่นไม่แห้งผากเปนกระดาษรอเคี้ยว
 

กราบเรียนถามไถ่ว่าอะไรที่ควรจะได้ชิมอีกบ้าง รุ่นใหญ่ท่านก็แนะให้ลองขนมผักกาดมีแบบทอดมาเกรียมๆผิว จิ้มซีอิ้วดำ และแบบผัดต้นกุ่ยช่ายใส่ถั่วงอกใส่ไข่พร้อมกุ้งสด อันเปนของมีชื่อมาแต่ยุคเดิม จานนี้รสดีมากทีเดียว
 

ห้องเรือนต้นคราวยุคนี้มีติ่มซำให้บริการด้วยรสชาติก็สดใหม่ถึงเครื่องโดยเฉพาะ ปลากระพงสดนึ่งซีอิ้ว หอมกลิ่นซีอิ้วอย่างดีเตะจมูกเลย และฮะเก๋าทำสดลูกใหญ่ ที่ได้เปลือกบาง_ใส_แน่น ไม่ทิ้งไส้ ขนมจีบตัวใหญ่โรยไข่กุ้งสีสวย ส่วนหอยทอดทำมาบางกรอบยังกับจะหยิบถือกินได้   และของหวานซึ่งไม่ควรพลาดคือ กล้วยไข่เชื่อม ซึ่งพวกรุ่นเดอะเขาว่า ถ้าที่โรงแรมมณเฑียรนี้แล้ว ต้องรับประทานกับไอศกรีมวนิลลา


 

เติมรสเค็มมันด้วยหัวกะทิ กลิ่นใบเตย ตัวกล้วยข้างนอกนุ่มข้างในแน่น เชื่อมมาเงาสวยไม่หวานเกินไป ไปกันได้อย่างดีกับไอศกรีมใส่ฝักวนิลาแท้หอมอ่อนๆ ขอขอบพระคุณท่านรุ่นใหญ่ใจดีมีแก่ใจอนุญาตให้ตามไปชิมและเลี้ยงข้าวด้วยมา ณ โอกาสนี้ หวังใจว่าข้อริวิวจะมีประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านครับ เผื่อเพื่อนๆคนรุ่นใหม่อยากไปลองชิมร้านเก่าในตำนานกันกับทางคอลัมน์ อิ่ม_โอชาฯ : จอย เดอ ลา ควิซีนกันครับผม


นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 หน้า 18 ฉบับที่ 3,823 วันที่ 2 - 5 ตุลาคม พ.ศ. 2565