Wandee นาจอมเทียน

10 ก.ย. 2565 | 13:12 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ก.ย. 2565 | 20:19 น.

คอลัมน์ อิ่ม_โอชาฯ โดย Joie de La Cuisine

ยุคนี้การคมนาคมไปไหนมาไหนก็สะดวกดาย ปลัดกระทรวงเขาก็ทันสมัยมีวิสัยทัศน์สากลเข้าใจอะไรๆในด้านการเชื่อมโยงระหว่างประเทศทะลุปรุโปร่ง ทางหลวงมอเตอร์เวย์ส่วนขยายตัดใหม่มีทางออกมาโผล่ตรงนาจอมเทียนพอดี ตรงที่สามแยกนั้นมีอู่เรือยอท์ชของคนไทยฝ่ายสกุลเบ็ญจฤทธิ์ ตรงเข้าไปเปนมาริน่า ท่าจอดเรือที่ยังสวยงามคลาสสิกท้ากาลเวลา ห้องอาหารที่ตรงนั้นทำไว้อย่างสโมสร เดินเส้นทองเหลืองกระเบื้องเขียวเงา
 

ตรงเวิ้งหาดสุขสงบแห่งนี้ มีเกร็ดทรายเม็ดทอง อย่างกับน้ำตาลทราย_golden brown suger ลาดเทลงไปในอ่าว ประดานักพัฒนาที่ดินมือทองพากันมาจับจองและสร้างสรรค์งานสถาปัตยกรรมต่างๆนานา เจ้าหนึ่งอนุรักษ์เอาไว้ซึ่งดงตาลระเกะกะ แต่มีจังหวะจัดวางเข้าที มองออกไปเห็นเสากระโดงเรือจอดกันรำไร_สวย อีกเจ้าหนึ่งอนุรักษ์ไว้ซึ่งหมู่เตยทะเลรากสูง ซึ่งกลางเดือนสิงหาคมนี้ออกผลสวยงามแปลกประหลาด เยาวชนเห็นแล้วร้องว่านี่มันต้นผลไม้พิษของลูฟี่ตัวการ์ตูนญี่ปุ่นแขนยืดได้นี่นา จึงได้เวลาเล่าสู่กันฟังว่านี่แหละหนาต้นลำเจียกในตำนานของไทยล่ะ 55

ในช่วงเวลาบ่ายๆอันอบอุ่นแสงเงาและคลื่นลมนี้มันจะมีอะไรดีไปกว่าเบียร์เย็นสักขวดแกล้มสลัดเนื้อปูม้า ซึ่งกาลเวลาพาให้รำลึกถึงคุณนายวันดีผู้สร้างตำนานของกินฝรั่งรสไทยที่ฝีไม้ลายมือเปนตัวของตัวเองอย่างยิ่ง เคยตั้งร้านเล็กๆอยู่ตรงนาเกลือซอย 16 มาบัดนี้เสมือนว่าโยกย้ายหายไปหากันไม่พบมาแรมปี
 

สมัยนั้นเธอมีเมรัยรสประหลาดลึกล้ำซ้ำยังยินดีกับการละเลงของดีให้ลูกค้าได้ฉลองโพรงปากและโคนลิ้น งานนี้เลาะเอากรรเชียงปูครีบคราม-Blue Fin Crab มาสุ่มใส่จานเข้า ตีมาโยเนสสด_น้ำมันมะกอกเข้าไข่แดงสดน้ำส้มสายชูกลั่นปรุงเค็มนิดหวานหน่อยตัดรสให้เข้มเข้าด้วยมะกอกสุกดองดำเคล้ากระเทียมเจียวเกือบกรอบ ห่อผักหยิกกินเอาขม กลายเปนสลัดปูกรรเชียง_กลมกล่อมละมุนปาก 


 
 

สมัยนี้เข้าสู่ยุคฐานเศรษฐกิจมัลติมีเดีย ผู้สื่อข่าวดิจิตอล ธนทรัพย์ จามีกร กดข้อมูลโซเชียลแล้วทราบชัดว่าคุณวันดีย้ายขึ้นมาฝ่ายบกตรงนาจอมเทียน ตั้งร้านใหม่อยู่กลางสวน ทางเข้าวิหารเซียน วัดญาณสังวราราม จึงใคร่อยากจะตามรอยตำนานไปอัพเดตร้านใหม่ จะเปนอย่างไรก็ขอเรียนเชิญท่านผู้อ่านติดตามได้พลัน

 

‘จานแรกนั้นก็ต้อง crabmeat delight ที่รุ่นใหญ่แนะทางมา สลัดครีมมาโยใส่เนื้อปูกรรเชียงมาให้เห็นเป็นชิ้นๆไม่ใช่เป็นเศษปู มีการโรยหน้าด้วยมะกอกดำและกระเทียมที่อบมาได้ที่ หากทานทุกอย่างด้วยกันจะได้รสชาติที่เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าเทียบกับภาพยุคร้านเก่า สมัยนี้ทางร้านให้ผักมากขึ้นเพื่อสุขภาพ..


อากาศร้อนอ้าวอย่างนี้ ยังมีสลัดสดชื่นอีกเมนูที่อยากจะขอแนะนำให้กับทุกๆท่านครับ นั่นคือ สลัดอะโวคาโด้ กับลูกพีช โดยเสิร์ฟมาเป็นอะโวโด้หั่นชิ้นเรียงคู่กับลูกพีชกระป๋องรองด้วยผักร็อกเก็ตหอมๆ โรยน้ำสลัดบางเบา ความมันของอะโวคาโด้ ตัดกับรสหวานเปรี้ยวของลูกพีช ถือเป็นการจับคู่กันที่เยี่ยมยอด..  Appetizer อีกเมนูที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ เมนูข้าวโพดอบชีส หลายท่านได้ยินชื่อแล้วอาจจะคิดว่าเป็นเมนูหาทานที่ไหนก็ได้ แต่ผมต้องขอบอกไว้ ณ ที่นี้เลยว่าของเขานี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ทั้งความหอมมันของข้าวโพด ตัวซอส และเนยแข็งปะหน้าที่ถูกอบมาอย่างพอดีพอดิบ รสชาติอร่อยลงตัว ถือว่าวัยรุ่นพลาดไม่ได้ๆครับ


ส่วนเมนูเด็ดของร้านต้องยกให้กับ สปาเก็ตตี้หมึกดำผัดครีมหมึกดำขี้เมา ซึ่งเป็นการนำสปาเก็ตตี้หมึกดำของอิตาเลียนทำเองมาผสมผสานกับเครื่องเคราแบบไทย เขาใช้แต่ดีหมึกสดคุณภาพดีตีครีมราดแล้วผัด รสชาติจะออกแนวเผ็ดร้อนเป็นบางคำที่มีลูกโดด(พริกขี้หนูสับ)ซ่อนในความดำแสดงฤทธิ์ออกมาแต่ก็กินเพลินเพราะตัวมันกับกลิ่นหอมใบโหระพาช่วยตัดความมันจากซอสครีมดำที่ใส่มาไม่ยั้งมือ


ข้าง Seafood Au Gratin เขานำเครื่องซีฟู้ดผัดซอสขาวและนำไปอบเสิร์ฟมาในเปลือกหอยมือเสือขนาดใหญ่ไฮไลท์ โรยหน้าด้วยเกล็ดขนมปังเพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัส ซึ่งคำว่า Gratin (กราแตง) นี้เป็นชื่อเรียกวิธีในการทำอาหารสไตล์ฝรั่งเศส ที่จะทำให้ผิวหน้าของอาหารเกรียมเป็นสีน้ำตาลโดยการอบ เดาว่าตอนผัดซอสขาวใส่เหล้าตัดเลี่ยนมาด้วยจานนี้


ของหวานมีให้เลือกมากมายทั้ง บลูเบอรี่ชีสเค้ก พานาคอตตา แต่ที่คลาสสิกท้ากาลเวลา คือ กล้วยหอมลุยเปลวไฟใส่เหล้า และไอศรีม banana flambe & icecream นับเป็นร้านแฟมิลี่รับประทานได้ดีทั้งครอบครัวที่มีสมาชิกต่างวัยพร้อมหน้ากันครับ


นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 หน้า 18 ฉบับที่ 3,817 วันที่ 11 - 14 กันยายน พ.ศ. 2565