ทรัมป์...มาวันแรก โลกก็เดือดระอุ!

22 ม.ค. 2568 | 06:00 น.

ทรัมป์...มาวันแรก โลกก็เดือดระอุ! : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

*** คืนวันที่ 20 จนถึงเช้าของวันที่ 21 มกราคา 2568 ตามเวลาในประเทศไทย คือ วันที่ "โดนัลด์ ทรัมป์" เข้าพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 พร้อมทั้งได้กล่าวถึงนโยบายสำคัญ เน้นไปที่การฟื้นฟูอุตสาหกรรม การเอาชนะภาวะเงินเฟ้อและ การลดต้นทุนและราคาสินค้า การให้ความสำคัญเรื่องพลังงานในประเทศ และหันมาส่งออกพลังงานไปทั่วโลก 

การยกเลิกการบังคับใช้รถอีวี (EVs) รวมไปถึงการเปลี่ยนชื่อ “อ่าวเม็กซิโก” เป็น “อ่าวอเมริกา” และทวงคืนคลองปานามา ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้ จะส่งผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจโลกโดยตรง...

ว่ากันตามตรง ...ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับคนที่ติดตามข่าวสาร แต่ต่อไปจากนี้คือ ทรัมป์จะทำอย่างไร หรือ ทำรุนแรงแค่ไหน เพื่อให้นโยบายที่พูดมาทั้งหมด กลายเป็นจริงขึ้นมาเป็นสิ่งที่จะต้องติดตาม!!!

สัญญาณแรกที่ชัดเจนมากที่สุดในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ คือ การลงนามเพื่อถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงปารีส โดยสาระสำคัญของข้อตกลงปารีส คือ ข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งนั่นหมายความว่า นโยบายของทรัมป์ ในเรื่องการให้ความสำคัญเรื่องพลังงานในประเทศ และ หันมาส่งออกพลังงานไปทั่วโลกเพื่อสร้างรายได้ให้กับสหรัฐ ในฐานประเทศผู้ผลิตพลังงานของโลกกำลังเริ่มขึ้น และขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นการส่งสัญญาณไปถึง รถอีวี (EVs) ว่ากำลังจะถูกลดความสำคัญลง 

ขณะที่การหันกลับไปหาพลังงานฟอสซิล (แก๊สและน้ำมัน) เปรียบได้ดังการ “เตะตัดขา” ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ เป็นอันดับ 2 ของโลกอย่าง “จีน” เพราะอย่าลืมว่าขณะนี้ จีน คือผู้ผลิตและส่งออกรถอีวี (EVs) รายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งหากสามารถลดการใช้รถไฟฟ้าลงไปได้ จะทำให้รายได้หลักของจีนลดลงไปได้เป็นอย่างมาก 

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของความต้องการเปลี่ยนชื่อ “อ่าวเม็กซิโก” เป็น “อ่าวอเมริกา” ซึ่งนับตั้งแต่ยุคสงครามการค้าในครั้งที่ ทรัมป์ ดำรงค์ตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐสมัยแรก ในตอนนั้นจีนก็ได้ทำการย้ายฐานการผลิตสินค้าเพื่อส่งไปสหรัฐ ไปตั้งอยู่รอบๆ “อ่าวเม็กซิโก” ดังนั้น วัตถุประสงค์หลังในการเปลี่ยนชื่อ “อ่าวเม็กซิโก” เป็น “อ่าวอเมริกา” จึงหนีไม่พ้นเรื่องของการเข้าไปควบคุมพื้นที่ เพื่อลดสัดส่วนสินค้าของประเทศจีน ที่ผลิตอยู่ในย่านอ่าวเม็กซิโกเป็นหลัก 

ส่วนการทวงคืน “คลองปานามา” โดยกล่าวอ้างว่า “ค่าผ่านคลอง” สูงเกินไป ก็ยังคงเป็นการมุ่งความสนใจไปที่เรื่องของการลดทอน หรือ กำจัดอิทธิพลของประเทศจีน โดยมุ่งไปที่ความสามารถในการขนส่งสินค้าจากจีน มาที่สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่จะผ่านทางคลองปานามา 

ทั้งนี้ แม้ว่าจีนไม่ได้ควบคุม หรือ บริหารคลองปานามาโดยตรง แต่การที่บริษัทลูกแห่งหนึ่งของ ซีเค ฮัตชิสัน โฮลดิ้ง ที่มีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกง เป็นผู้บริหารจัดการท่าเรือ 2 แห่ง ที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าคลองฝั่งแคริบเบียน และ แปซิฟิก มานาน ก็ทำให้ถูกสหรัฐเพ่งเล็งอยู่ดี 

เอาเป็นว่า เพียงแค่วันแรกของการเข้าสู่ตำแหน่งของทรัมป์ “โลกก็เดือด” เพราะ “สงครามการค้า” ระหว่างสหรัฐ และจีนเริ่มเข้มข้นมากขึ้นอย่างชัดเจน เกมแห่งศักดิ์ศรีอำนาจ และการเงินของยักษ์ใหญ่แบบนี้บอกเลยว่า ละสายตาไม่ได้นะคะ...เจ๊เมาธ์เชื่อว่า หลังจากนี้อีกไม่นาน คงจะมีนโยบายอื่นเพิ่มเติมเข้ามาไม่ขาดสาย และเรื่องพวกนี้ไม่ได้อยู่ไกลไปจากเรา 

ในทางกลับกัน...ใครที่เตรียมตัวเอาไว้ก่อน ก็จะเจ็บหรือได้รับผลกระทบน้อยกว่าคนที่ไม่สนใจ หรือ ปล่อยให้ผ่านๆ ไปอย่างแน่นอนค่ะ 

*** ถือว่าการเปิดการซื้อขายวันแรกที่ระดับ 3.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือ 30% จากราคา IPO ที่ 3 บาท/หุ้น ของหุ้นไอพีโอน้องใหม่ อย่าง บมจ.โปร อินไซด์ หรือ PIS ไม่ได้ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เพราะถึงแม้จะปิดการซื้อขายในวันแรก ไปที่ราคา 3.60 บาท แต่ก็ยังทำให้ PIS เป็นหุ้นไอพีโอตัวแรก ในรอบหลายเดือน ที่ยืนราคาเหนือราคาจองซื้อได้อยู่ดี 

ว่าแต่ PIS มีอะไรดีที่ทำให้ราคาหุ้นยืนบวกอยู่ได้ทั้งวัน ในจังหวะที่ไม่ว่านักลงทุนต่างก็กลัวที่จะลงทุนกับหุ้นไอพีโอแบบนี้...

อย่างแรก คงจะหนีไม่พ้นไปจากธุรกิจของ PIS ซึ่งมีฐานลูกค้าหลักเป็นหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ที่มีงบประมาณเพิ่มขึ้นแทบทุกปี ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 2.1 พันล้านบาท โดยภายหลังการระดมทุนจะเพิ่มโอกาสในการเข้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ สนับสนุนให้บริษัทมีรายได้ในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อย่างที่สอง เป็นเรื่องที่ PIS เป็นบริษัทย่อยของ บมจ.สกาย ไอซีที หรือ SKY ซึ่งมีควมแข็งแกร่งและชำนาญในธุรกิจจัดหา จำหน่าย และวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแบบครบวงจร (ICT-Solutions) ครอบคลุมการบริการให้คำปรึกษา วางแผน ออกแบบพัฒนา ติดตั้ง รวมถึงการบำรุงรักษาอุปกรณ์และระบบที่เกี่ยวข้องอย่างครบวงจร

เมื่อรวมเอาสองปัจจัยเด่นเข้ามารวมอยู่ด้วยกัน จึงทำให้ PIS กลายเป็นหุ้นไอพีโอ ที่ก้าวข้ามราคาหุ้นต่ำจองได้เป็นตัวแรกในรอบหลายเดือน และในขณะเดียวกัน ก็มีโอกาสที่จะเติบโตได้ดีในอนาคตได้นั่นเองเจ้าค่ะ