ปี 2567 กำลังจะผ่านพ้นไป ซึ่งหลายสถาบันออกมาคาดการณ์ถึงภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ น่าจะขยายตัวได้ในระดับ 2.6-2.9 % ซึ่งถือว่าเป็การขยายตัวในระดับตํ่า ที่ได้รับแรงกดดันจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ประกอบกับปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงที่ยังกดดันให้การบริโภคภายในประเทศหดตัวต่อเนื่อง
รวมถึงรายได้ที่ลดลง กระทบต่อการเกิดหนี้ที่ไม่ก่อรายได้หรือ หนี้เสีย (NPL) ในอัตราที่สูงมากขึ้น และการขาดสภาพคล่องของผู้ประกอบการ ส่งผลให้ภาคการผลิตรอบ 11 เดือน มีโรงงานปิดไปแล้วราว 1,156 แห่ง เกิดการเลิกจ้างงานกว่า 3.38 หมื่นราย
มีเพียงภาคการท่องเที่ยวและบริการ และ การส่งออก ที่ยังพอประคับประครองให้ประเทศมีรายได้ ช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจพอขยายตัวได้ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ที่เป็นช่วงของไฮซีชั่น จะมีกำลังซื้อ และการบริโภค จากภาคการท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ในขณะที่การส่งออกในรอบ 10 เดือน ขยายตัวได้ราว 4.9 %
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ชี้ให้เห็นว่า กำลังซื้อ และ การบริโภคในไตรมาส 4 ปี 2567 จะขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ที่มาจากการใช้จ่ายภาครัฐ การขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชนการ ส่งออก และการท่องเที่ยวที่โดดเด่น โดยในช่วงกว่า 11 เดือน มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วประมาณ 33.5 ล้านคน และคาดว่าทั้งปี 2567 จะมีนักท่องที่ยวเข้ามารวมประมาณ 36 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลให้การบริโภค และกำลังซื้อภายในประเทศดีขึ้นตามไปด้วย
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2568 ผลสำรวจของ SCB EIC Consumer survey 2024 พบว่า ผู้บริโภคกว่า 60% มองว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะแย่ลง โดยเฉพาะกลุ่มคนรายได้ตํ่า ที่มีแนวโน้มปรับลดการใช้จ่ายลง เพราะไม่แน่ใจในภาวะเศรษฐกิจและรายได้ในอนาคต
นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจไทย จะเริ่มได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันการค้าของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา ในช่วงครึ่งปีหลัง ที่ไทยมีความเสี่ยงสูงจะถูกขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งกว่า 70% ของสินค้าส่งออกไทยไปสหรัฐอเมริกา เป็นกลุ่มสินค้าที่สหรัฐฯ จะตั้งเป้าลดการขาดดุลการค้า และต้องการสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานในประเทศแทน ซึ่งจะกดดันความสามารถการแข่งขันของสินค้าไทยทั้งตลาดในและนอกประเทศ ส่งผลให้การส่งออกไทยเริ่มชะลอตัว ซํ้าเติมภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ยังไม่ฟื้นตัว
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะเติบโตที่ 2.4% ช้าลงกว่าปี 2567 เล็กน้อย ที่คาดว่าจะขยายตัว 2.6% จากแรงส่งของภาคการท่องเที่ยวที่ลดลง ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าใกล้ระดับก่อนโควิด เช่นเดียวกับการส่งออกที่คาดว่า จะโตช้าลงจากผลกระทบสงครามการค้า ทั้งทางตรงผ่านตลาดส่งออกสหรัฐฯ และทางอ้อมผ่านตลาดอื่นๆ ที่ต้องแข่งขันกับสินค้าจีน
ดังนั้น การจะรักษาระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2568 ได้ รัฐบาลจะต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้ยาแรง ที่จะมาช่วยเหลือปัญหาหนี้ครัวเรือน
มาตรการเพิ่มรายได้ มาตรการลดค่าครองชีพ เพื่อให้ผู้บริโภคมีแรงซื้อภายในประเทศขึ้นมา และการหาตลาดใหม่ๆ ที่จะมาช่วยลดผลกระทบการส่งออก
รวมถึงมาตรการปั๊มการท่องเที่ยว ให้เติบโตขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด ให้กลับไปอยู่ในช่วงก่อนเกิดโควิด เป็นต้น
หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 4,056 วันที่ 26 - 28 ธันวาคม พ.ศ. 2567