ใครเคยฟังเพลง ฝนเดือนหก ในยุค รุ่งเพชร แหลมสิงห์ หรือ ในสมัย ก๊อท จักรพันธ์ คงจะจำเนื้อร้องกับทำนองกันได้ “หย่าง เข้า เดือน ฮ่ก ฝ่น ก้อ โต๊ก พร่ำ พร่ำ…” ฟังเพลินทั้งแผ่นดิน! ย้อนรอยไปไกลลิบด้วยใจถวิลหู ยังแว่วได้ยินในยามเย็น “ซ้อง หนึ่ง เป็น ซ้อง ซ้องซ้อง เป็นสี่…” ท่องจบทันใจได้กลับบ้านทันควัน เด็กประถมรีบขยันท่องกันหนุกหนานทั้งอาขยานกับสูตรคูณ (ฮา)
ผมขอแจ้งเกิดมั่ง “สูตรเจ็ดด่านอ่านเอาธรรม” เริ่มนั่งคิดตั้งแต่กลางวันยันค่ำว่าจะเรียงยังไง กว่าจะเสร็จได้ปาเข้าไปสามวัน
“เหตุ” หนึ่ง ไม่ใช่ หนึ่งผล
หลาย “ผล” รอดได้ ก็เก่ง
“ตนเอง” ทำเอง แก้เอง
“ประมาณ” ตรงเผง วงใน
รอ “กาล” เวลา สักนิด
กล้องวง จรปิด พึ่งได้
“สังคม” หูไว ตาไว่
ไม่ใคร ก็ใคร “บุคคล!”
นินทาฮาเฮเถลไถลโปรดอย่าได้คิดมาก แต่ถ้าไม่คิดมั่งระวังจะมึน นักเศรษฐศาสตร์คนแรกของโลก มีความเห็นแทรก เรื่องของเรื่องเขาว่ากันว่า…
อดัม สมิธ ได้รับการยกย่องว่า บุคคลท่านนี้ คือ “บิดาแห่งเศรษฐศาสตร์” เกิดเมื่อปี ค.ศ.1723 ที่เมือง “คิร์กคัลดี” ประเทศสกอตแลนด์ หลังจากทิ้งช่วงมานาน สหายของเขาจัดงานเพื่อรำลึกถึงวันครบรอบวันเกิดกันหลายรูปแบบ ที่ ม.กลาสโกว์
ไม่ช้าไม่นานแต่ก็อืดเอาการ จนเกือบจะบูดดีที่มีคนช่างคิดเอาข้อมูลนี้ออกมาชู้ต ก็เล่นเอาแฟนคลับของ ท่าน อดัม สมิธ ทั้งเคืองทั้งขำ สำหรับผมไม่เข้าใครออกใคร มีพ่อสองคนดีกว่าเกิดมาไม่มีพ่อ… (ฮา)
จะว่ากันไปแล้ว ถ้าหาก อดัม สมิธ คือ “บิดาแห่งเศรษฐศาสตร์” ผมว่า ท่าน คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส คือ คุณปู่ จู่ๆ ก็กลายเป็น “นักเศรษฐศาสตร์คนแรกของโลก” ถึงแม้ว่าเขาออกเดินทางจนไปค้นพบ อเมริกา โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปที่ใด! (ฮา) ไปถึงที่นั่นแล้วเขาไม่รู้ซะอีกว่า ตัวเองอยู่ที่ไหน! (ฮา) ฮั่นแน่… แฟนคลับ อดัม สมิธ ปรบมือแซวกันใหญ่ โคลัมบัส ทำสำเร็จได้ด้วยเงินอุดหนุนจากรัฐบาล (ฮา)
อย่าทำเป็นล้อเล่น ในตอนเย็นของ วันที่ 3 สิงหาคม ค.ศ.1492 ท่านโคลัมบัส เดินทางออกจากปาลอสเดลาฟรอนเตรา พร้อมเรือสามลำ เรือใหญ่ที่สุด คือ เรือคาร์แร็ค เรือซานตามาเรีย ซึ่ง ฮวน เดลา โคซา เป็นเจ้าของ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาโดยตรงของ ท่านโคลัมบัส อีกสองลำเป็นเรือคาราเวลขนาดเล็ก ได้แก่ Pinta และ Niña ซึ่งขับโดยพี่น้อง Pinzón
เกร็ดข่าวที่ว่า กำลังจะไปที่ใด ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ผมถือว่าเป็น ประเด็นปีกย่อย เอาไว้ให้ปีกของท่านโคลัมบัส มันโดนย่อยเป็นผุยผงก่อนแล้วค่อยทับถม
สิ่งที่ผมสนใจ คือ เขาได้ผลประโยชน์กลับมามหาศาล อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รู้จักเลือกเอามาโชว์ให้คุ้มกับการลงทุนมันมีทุกขลาภแฝงอยู่!
โยนกันไปเขวี้ยงกันมากับคู่กรณีอยู่แบบนี้แหละ “ปากที่สาม” ถึงได้เอาไปละเลงเล่นด้วยการตั้งคำถามกันว่า “นักเศรษฐศาสตร์การเงินคือใคร? ” ตาอยู่ ตอบว่า “เขาคือคนที่เอาเงินของคุณไปครึ่งหนึ่ง แล้วบอกคุณว่าจะทำอย่างไรกับเงินที่เหลือ (ฮา)
ผมพูดตรงไปตรงมานะครับว่า แผนการสอนในอดีตของสังคมเรา ไม่มีการบอกกล่าวจูงใจให้นักเรียนเห็นประโยชน์ เขาถึงได้โอดครวญกันจนถึงทุกวันนี้ ถ้าผู้สอนเริ่มต้นสอนอย่างมีมารยาท ขู่ให้กลัว และ ยั่วให้อยาก เราจะ มองข้ามชอต ได้ง่ายกว่าที่เป็นอยู่ เขาจะได้รู้อะไรต่อมิอะไรให้มันกระจ่างจะได้เลือกเดินถูกทางสมใจนึก
มีมุกเล่าแจมว่า นักเศรษฐศาสตร์สามคนจะเดินทางโดยรถไฟ ก่อนจะออกเดินทาง หัวหน้ากลุ่มซื้อตั๋วเพียง ใบเดียว ครั้น เมื่อ พนักงานตรวจตั๋ว เข้าใกล้ห้องของพวกเขา นักเศรษฐศาสตร์ทั้งสามคน จึงรีบไปเข้าห้องน้ำ ที่ใกล้ที่สุด
พนักงานตรวจตั๋ว สังเกตเห็นว่า มีคนอยู่ในห้องน้ำจึงเคาะประตู บัดนั้น มือของหัวหน้าในห้องน้ำถือตั๋วยื่นออกมา พนักงานตรวจตั๋ว จึงเช็คตั๋วใบนั้นแล้วเดินผ่านไป นักเศรษฐศาสตร์อีกสองคนดีใจที่ไม่โดนปรับ แถมหันขวับมาชื่นชมหัวหน้ากลุ่มว่า “ท่านหัวหน้าฉลาดจังเลย…!” (ฮา)
ถ้าผู้สอน แนะนำ ผู้เรียน ตั้งแต่แรกว่า สนใจจะไปเที่ยวต่างประเทศ ฟรี ต้องเรียนภาษาอังกฤษ อยากจะนั่งเครื่องบิน ฟรี นอนโรงแรม ฟรี กินมื้อเที่ยง ฟรี ได้ของกำนัล ฟรี ต้องเรียน การสื่อให้ได้ความ จิตวิทยา ศิลปะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศีลธรรม พวกเธอจะได้ไม่กลายเป็น “บุคคลอบอึ!” (ฮา)
อย่าบอก ลูกศิษย์ ด้วยว่า “โบกี้” คือ “แคร่!” เป็น อุปกรณ์ ติดตั้ง 4 ล้อ แต่ก่อนเรียกกันว่า “ตู้” ในสมัย ร.5 เขาเรียกกันว่า “หลัง” ต่อมาเปลี่ยนจาก “หลัง” กลายเป็น “คัน” เรียกผิด ป.เอก จะร่วง
หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,075 วันที่ 2 - 5 มีนาคม พ.ศ. 2568