การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของชาวเมียนมาในกรุงเทพฯ

19 ก.พ. 2567 | 05:30 น.
684

การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของชาวเมียนมาในกรุงเทพฯ คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

นับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมานี้ ตัวเลขการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์จากนักลงทุนชาวเมียนมา ที่มาซื้อหาคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานคร ได้พุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยยะมาก หากเราไปดูสถิติการลงทุนดังกล่าว จากข้อมูลของธนาคารอาคารสงเคราะห์ จะเห็นว่าตัวเลขผู้ซื้อคอนโดมิเนียมของนักลงทุนชาวเมียนมา จะมาอันดับที่ 4 เป็นรองแค่ จีน รัสเซีย และสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ส่วนอันดับที่ 5 เป็นชาวไต้หวัน ซึ่งก็น่าแปลกใจไม่น้อย เพราะปกติชาวไต้หวันจะชอบมาหาบ้านอยู่ที่ประเทศไทยเรามาช้านาน แต่ในปีที่ผ่านมา กลับตกอันดับเสียแล้วครับ

เหตุผลที่ชาวเมียนมาเข้ามาลงทุนในบ้านเราเยอะขึ้น บางคนอาจจะคาดคิดไม่ถึง หรืออาจจะมองไม่ออกว่า ทำไมนักธุรกิจชาวเมียนมาถึงได้มีเงินทองมากมาย มาลงทุนในประเทศไทยเราได้ ผมเองในฐานะที่คุ้นเคยกับชาวเมียนมามาช้านาน ต้องบอกว่าเราไม่สามารถดูแคลนเขาได้เลยครับ คำพูดที่ว่า “ที่ไหนมีคนรวย ก็ย่อมมีคนจนอยู่เสมอ”

ในขณะที่ประเทศเขาเอง ในช่วงตั้งแต่ปีค.ศ.2000 เป็นต้นมา เศรษฐกิจเขาเริ่มฟื้นตัวตามกระแสของโลก สิ่งแรกที่สร้างเม็ดเงินและความร่ำรวยให้แก่นักธุรกิจของเขา คือ “อสังหาริมทรัพย์” นั่นเอง ในยุคนั้นราคาที่ดินในกรุงย่างกุ้ง ก้าวกระโดดอย่างชนิดที่ว่า เอาช้างมาฉุดก็ฉุดไม่อยู่เลยละครับ ในยุคนั้นการซื้อขายที่ดินที่กรุงย่างกุ้ง ซื้อวันนี้อีกอาทิตย์ขายก็กำไรมหาศาลเลยครับ ผมเองก็พลาดโอกาสที่จะรวยกับเขาไปครับ

ในช่วงนั้นผมมีเพื่อนรักที่เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกันท่านหนึ่ง ชื่อ อู เทะ ยิน เขาร่วมเปิดร้านอาหารกับผม มีอยู่วันหนึ่ง เราไปดูที่ดินด้วยกัน ที่ถนนตักกะโต่ยาซ่านลาน (University Avenue) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของท่านดอร์ ออง ซาน ซูจี มากนัก พอไปถึงเจ้าของบ้านก็พาเราเข้าไปเดินดูบ้านเขา ก่อนที่จะตกลงราคาซื้อขายกัน ผมมองดูด้วยสายตา ที่ดินไม่น่าจะถึงร้อยตารางวา เจ้าของบ้านเปิดราคามา 1 ล้าน 3 แสนเหรียญสหรัฐ เพื่อนผมไม่ต่อสักคำ

เขาหันมาชวนผมว่า “คุณลงทุนกับผมมั้ย ผมให้คุณ 30 เปอร์เซนต์” ผมไม่กล้าร่วมกับเขาครับ เพราะในใจผมคิดว่า เงินสี่สิบกว่าล้านบาท ผมก็สามารถหาซื้อที่ดินพร้อมโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯได้อย่างไม่ยากแล้ว ทำไมต้องมาซื้อที่ดินเพียงไม่ถึงร้อยตารางวาที่นี่ ทั้งๆ ที่ในยุคนั้น ความเจริญยังแทบจะมองไม่เห็นด้วยซ้ำไปครับ แต่คนเมียนมาเขาเอาเงินสดๆ ไปชำระให้เจ้าของบ้านหน้าตาเฉยเลยครับ ต่อมาอีกไม่นาน เขาก็มาบอกผมว่า เขาขายที่ดังกล่าวได้แล้วนะ กำไรไปหลายตังค์เลยทีเดียวครับ

เราจะเห็นว่าชาวเมียนมา ที่รวยนั้นรวยจริงๆ เขาไม่ต้องพึ่งพาเงินกู้จากธนาคารเลยครับ เพราะฉะนั้นการมาหาซื้อคอนโดมิเนียมที่กรุงเทพฯ จึงไม่เหนือความคาดหมายหรอกครับ ส่วนผู้ประกอบการไทยที่เป็นกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เราจะรับมือกับกระแสที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไร? นี่ต่างหากที่เป็นคำถาม ที่ต้องหาคำตอบให้ได้ เพื่อจะได้รับมือกับการเข้ามาลงทุนของนักธุรกิจเมียนมาครับ

ปัญหาของนักธุรกิจเมียนมา ที่จะเข้ามาหาซื้อที่ดินในกรุงเทพมหานคร ที่เป็นปัญหามากที่สุด คือการนำเงินออกมานอกประเทศ ที่รัฐบาลเมียนมาเขาเข้มงวดกวดขันมาก ดังนั้นเงินที่จะโอนออกมาทางธนาคารค่อนข้างจะยากมาก แม้แต่เงินที่ชำระค่าสินค้าที่นำเข้าไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก็ยังยากเลยครับ ในขณะที่หากนำเงินเข้ามาอย่างผิดกฏหมาย หรือโอนผ่านโพยก๊วน ก็จะถูกทางการไทยเราเพ่งเล็งเป็นพิเศษ เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ เป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ อีกทั้งยังมีธุรกิจสีเทาต่างๆ ที่ทางการไทยเราเพ่งเล็งมาก หากโชคหามยามร้ายขึ้นมา เผลอๆโดนข้อหาฟอกเงินเข้าให้ ก็จะอดฉลองบ้านใหม่กันไปเลยครับ

อีกประการหนึ่งที่ต้องคำนึงให้มากๆ สำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งหลาย เช่นเมื่อหลายวันก่อน ก็มีข่าวออกมาว่า นักธุรกิจชาวเมียนมาถูกสังหารในคอนโดมิเนียมที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ จากฝีมือชาวต่างชาติ ต่อมาได้หลบหนีไปสิงคโปร์ในวันเดียวกัน ผมได้เห็นข่าวนี้แล้ว ก็คิดว่าใช่ว่านักธุรกิจทุกคน จะดำเนินธุรกิจที่โปร่งใสทุกคนไป บางคนก็อาจจะมีประวัติไม่ค่อยสวยก็เป็นไปได้ครับ ดังนั้นการตรวจสอบประวัติผู้ซื้อ ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดครับ

ในการแก้ไขปัญหาเพื่อที่จะได้จูงเอานักธุรกิจชาวเมียนมา ที่มีความบริสุทธิจริงๆ เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเรา น่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเลขการลงทุนทางตรงของประเทศไทยเรา ดังนั้นผมจึงได้ติอต่อกับเพื่อนที่เป็นนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์เมียนมา ที่เขามีความสนิทสนมกับผมอยู่บ้าง เข้ามาปรึกษาหารือกัน และหลังจากเริ่มเปิดงานจากช่วงตรุษจีน เขาก็เข้ามาพบผม เราได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกัน จนตกผลึกว่า ควรจะนำเอานักธุรกิจเหล่านั้นเข้ามาที่ประเทศไทย และจัดงานสัมมนานัดพบกับผู้ประกอบการโครงการอสังหาริมทรัพย์ของไทยเรา เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่กันและกัน โดยใช้สภาธุรกิจไทย-เมียนมา และสมาคมอสังหาริมทรัพย์เมียนมาเป็นตัวกลางให้ เพื่อเกิดประโยชน์ต่อการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทยเราครับ 

หากท่านผู้ประกอบการท่านใด สนใจที่จะลงทะเบียนเข้าร่วมงานดังกล่าว ก็กรุณารอคอยอีกสักนิดนะครับ กำหนดการที่แน่นอนผมยังไม่ได้กำหนด เพราะจะต้องรอให้มีการประชุมสภาฯกันอีกครั้งก่อน แล้วผมจะแจ้งให้ทราบ ตามช่องทางนี้ต่อไปครับ