พระเจ้าออสก้าร์ ปลากระป๋องที่ถูกต้อง

13 ม.ค. 2567 | 07:50 น.

พระเจ้าออสก้าร์ ปลากระป๋องที่ถูกต้อง คอลัมน์อิ่ม_โอชาฯ โดย Joie de La Cuisine

วัฒนธรรมการเก็บตุนอาหารสดที่หาได้จากธรรมชาติสำรองเผื่อไว้เพื่อจะมีกินในยามขาดแคลนนั่นมีกันอยู่ในถ้วนทั่วทุกตัวคนและชาติพันธุ์ภาษา ไม่ว่าหมู/เนื้อมันจะเน่าแล้วข้าวมันจะบูดก็เอาทำแหนม ทำหนาง ปลาสดเอาทำเค็ม ทำร้า กุ้งเอาทำแห้ง ทำจ่อม ยังไม่นับรวมพวกแขวนรมควัน พวกตากแดดเฉยๆ และพวกเเช่ในน้ำตาลหวานเข้มข้น ในนามว่า แช่อิ่ม อีกเล่า
 
แต่ว่าประดาบรรพชนผู้ถนัดการอัดปลาลงในอับในกระป๋องคงต้องยกให้กับชาวยุโรปตะวันตก ซึ่งมีถิ่นฐานยาวนานอยู่ใกล้ทะเล  มีหลักฐานเปนภาษาเครื่องกระป๋องกันมานาน ว่ากระป๋องนั้นทำมาจาก ‘เหล็กวิลาส’ ส่วนในพงศาวดารไทยๆสมัยอยุธยา เห็นพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้มังตราเสด็จยกทัพมา ก็บันทึกไว้ว่าเห็นมากันกับพวกทหารฝรั่งอาสานามว่าพวก ‘วิลาส โปรตุเกส’

อีทีนี้คำ วิลาส แปลว่าอะไร ?
 
ตำราหนึ่งท่านก็บอกว่าคือเหล็กที่เคลือบดีบุกแผ่นบางมาก อีกตำราว่าสังกะสี ในขณะที่ตำราสุดท้าย ว่าเป็นคำที่ชาวอินเดียในสมัยก่อนเรียกชาวตะวันตก โดยเฉพาะชาวยุโรป ว่าวิลาส!
 
ก่อนจะลุยไปในดงประวัติศาสอันยาวนาน ซึ่งเป็นการผิดวิสัยของคอลัมน์อาหารอิ่ม_โอชาฯ ก็ขอเรียนเสนอท่านว่าปลากระป๋องเหล็กวิลาสที่มีรสชาติวิลิศมาหลา ต้องยกให้ปลากระป๋องของพระเจ้าออสก้าร์ ซึ่งแท้แล้วคือ สมเด็จพระราชาธิบดีพระเจ้าออสก้าร์ ที่สอง แห่งสวีเดนและนอรเวย์ ผู้ซึ่งพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ มาประดับเป็นตราสินค้าของปลารมควันรสชาติ แสนอร่อยโอชา มาแต่ปี 1902!

ปลานี้มีมาขายในเมืองไทยตามซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้าน store ต่างๆเป็นเวลานานแล้ว ลักษณะเป็นกระป๋องแบน ระบุสเปคของเนื้อปลาและตัวปลาอย่างละเอียด ว่าในแต่ละกระป๋องนั้นจะใส่ปลากี่ชั้นและปลาที่นอนอัดอยู่มีขนาดไซซ์ซิ่งเท่าไร ไม่มีหรอกที่จะเอาเปรียบผู้บริโภค
 
ปลาซาร์ดีนจากทะเลยุโรปนั้น เนื้อมัน ก้างนุ่ม เเคี้ยวได้ตลอดตัวถึงหาง ที่น่าแปลกใจคือไม่มีเลยซึ่งความคาว แบบที่ใส่ซอสมะเขือเทศก็ต้องเรียนว่าเป็นซอสมะเขือเทศชนิดเข้มข้นอย่างที่ยังมีเนื้อมะเขือเทศอยู่เป็นปริมาณมากกว่าน้ำ อาจใช้คำว่า paste ก็ยังได้ แบบที่แช่มาในน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์เอ็กซ์ตร้าเวอจิ้นโอลีฟออย ก็เวลารับประทาน ดีเสียอีกใช้ขนมปังซาวโดว์หรือขนมปังฝรั่งเศสเนื้อหนาจุ้มลงไปกินอร่อย ไม่ต้องเทน้ำมันทิ้งเหมือนอย่างปลากระป๋องจากฝั่งอเมริกันแต่อย่างใด (อันนั้นใช้น้ำมันดอกทานตะวันแช่ดองปลาทูน่า)


 
บางตลับเขายังปรุงรสด้วยมะกอกดอง บางตลับใส่พริกจะลาปาโน่รสเผ็ด บางตลับใส่เสี้ยวเลม่อนมะนาวนมยานเอากลิ่นรสเปรี้ยวชื่น ราคาอาจจะแรงสักหน่อยเมื่อเทียบกับปลาสดในประเทศไทย แต่สำหรับวันเวลาซึ่งฝนโปรยพัดมาแล้วท่านก็รู้สึกกว่าขี้เกียจจะออกไปหาอะไรกินนอกบ้าน และก็ยามนั้นเป็นเวลาพอดีกับที่ประดา Robinhood แล้วก็ LINE MAN เขาหยุดให้บริการ ฝ่าฝน
 
กราบทูลเปิดพระเจ้าออสก้าร์สักกระป๋อง รับประทานด้วยเหล้าองุ่นขาวๆรสชาติวิบวิบๆ จาก ริโอฮ่า แหม่.. ไม่เรียกโอชาก็ไม่รู้จะว่าไงล่ะครับ