สารพัดปัญหาในเมียนมา

21 ส.ค. 2566 | 04:25 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ส.ค. 2566 | 09:16 น.
1.8 k

สารพัดปัญหาในเมียนมา คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสต้อนรับคณะกรรมการสมาคมตระกูลหวางโลก ที่เดินทางมาจากหลากหลายประเทศ เพื่อมาประชุมปรึกษาหารือ ในการจัดประชุมใหญ่ในเดือนพฤศจิกายนที่จะจัดขึ้นในประเทศไทย ผมในฐานะรองประธานคณะกรรมการของสมาคมตระกูลหวางแห่งประเทศไทย เลยต้องไปรับเพื่อนๆ ที่มาจากชาติต่างๆ ที่สนามบิน ในช่วงที่นั่งอยู่บนรถเพื่อไปส่งเข้าที่พัก เพื่อนที่มาซึ่งเป็นชาวอินโดนีเซีย ได้ถามผมว่า “คุณยังได้เข้าไปที่ย่างกุ้งอีกหรือเปล่า?” ซึ่งผมก็ตอบไปว่ายังคงได้ไปอยู่เนืองๆ ท่านก็พูดว่า “ผมเห็นข่าวสารที่เผยแพร่ออกมาทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่า ประเทศเมียนมาประสบปัญหามากมายจริงหรือไม่?” ผมก็ตอบว่า “ไม่เพียงแต่ปัญหาทางด้านความสงบเท่านั้น ปัญหาทางด้านอื่นๆ ยังมีอีกมากมาย ต้องบอกว่าผีซ้ำกรรมซัดจริงๆ ครับ”

ในช่วงที่ผ่านมา พวกเราคงจะได้ยินข่าวเรื่องน้ำท่วมที่ประเทศเมียนมา หลายพื้นที่ประสบปัญหากันอย่างรุนแรง เช่น ที่ฝั่งรัฐยะไข่ทางแถบเมืองเมียว-อู ที่มีแม่น้ำ Lemro จะโดนท่วมหนักมาก เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พายุฝนได้ตกหนักติดต่อกัน 7-8 วัน ทำให้น้ำในแม่น้ำไหลเอ่อล้นตลิ่ง ท่วมบ้านเรือนเสียหายมากมาย นอกจากนี้ยังมีศูนย์อพยพที่ตั้งอยู่ที่รัฐยะไข่อีก 17 แห่ง ซึ่งมีมากถึง 12 แห่งที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลต้องรีบขนย้ายผู้คนออกนอกพื้นที่ ขึ้นไปอาศัยอยู่ในวัดที่ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงอย่างทุลักทุเล เมืองนี้เป็นเมืองในประวัติศาสตร์ ผมเองเคยไปมาแล้วสอง-สามครั้ง ทุกครั้งที่ไปผมจะชอบไปนั่งอยู่ที่ศาลาริมแม่น้ำข้างๆ ตลาด ดูเด็กๆ เล่นน้ำยามเย็นกัน ทำให้ระลึกถึงความหลังเมื่อครั้งที่ผมยังเล็กอยู่ทุกครั้งที่ไปอย่างมีความสุขเลยครับ เมืองนี้มีเจดีย์ทรงระฆังคว่ำอยู่เยอะมาก น่าเสียดายมาก ถ้าหากว่าเจดีย์เหล่านั้นจะถูกน้ำทำลายครับ

ส่วนที่รัฐกะหยิ่นหรือกะเหรี่ยง ก็มีน้ำท่วมอยู่หลายพื้นที่เช่นกัน ตั้งแต่เมียวดีเรื่อยไปจนถึงพะอาน และหันหัวลงใต้ จนถึงเมืองเมาะละเมียงในรัฐมอญ หรือที่คนไทยเรียกว่าเมืองเมาะลำไยนั่นก็ถูกน้ำท่วมเช่นกัน จากเมียวดีออกมาไม่ไกลจะผ่านเมืองเกาะกะเล็ก ที่ช่วงต้นเดือนสิงหาคมผ่านมาทางถนนสายเอเชีย ก็ถูกน้ำตัดขาดการคมนาคมไป ทางการต้องเร่งซ่อมแซมทางให้หันกลับมาใช้ได้อีกครั้งหนึ่ง นี่ยังไม่ได้นับที่ไม่ได้เป็นข่าวอีกหลายพื้นที่ซึ่งพวกเราไม่ทราบ ผมเชื่อว่าแม่น้ำสองสายใหญ่ของประเทศเมียนมา คือแม่น้ำสาละวินที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกและแม่น้ำอิรวดีที่อยู่ทางฝั่งตะวันตก ปีนี้คงจะมีปัญหาน้ำท่วมเหมือนเช่นทุกปี ชาวบ้านต้องได้รับผลจากน้ำท่วมอย่างแน่นอนครับ

ส่วนเรื่องผลกระทบจากการสู้รบภายในประเทศ ในช่วงวันที่13-14 ที่ผ่านมา ได้มีการสู้รบกันที่เมืองเมียวดี ฝั่งตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด ซึ่งก็ทำให้การค้าชายแดนของประเทศไทย-เมียนมา ต้องได้รับผลกระทบอย่างมาก แน่นอนว่าไม่เพียงที่ฝั่งรัฐกะหยิ่นเท่านั้นที่มีการสู้รบ ยังมีรัฐสะกายซึ่งก็หนักหนาสาหัสด้วยเช่นกัน เพราะข่าวสารที่ออกมา ทำให้เรารู้สึกเห็นใจประชาชนชาวเมียนมาเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากยังคงมีการสู้รบกันไม่จบไม่สิ้น การเลือกตั้งในประเทศเมียนมาก็ยากที่ได้เห็น แต่เราก็คงเข้าไปให้ความคิดเห็นใดๆ ไม่ได้ เพราะนั่นเป็นปัญหาภายในของประเทศเพื่อนบ้าน ที่เราไม่ควรไปแสดงความคิดเห็นใดๆ ได้เลย

ปัญหาอีกประการหนึ่ง ที่ยังคงหนักหนามาก นั่นคือปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ เพราะอาทิตย์ที่ผ่านมา อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในสกุลเงินจ๊าดต่อเงินบาทก็ได้ดำดิ่งลงมาไม่น้อย จากเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ค่าเงินที่นิ่งๆ อยู่ที่ 100 จ๊าดต่อ1.01บาท มาวันนี้ค่าเงินจ๊าดได้ตกลงไปที่ 100 จ๊าดต่อ 0.94 บาท ซึ่งต่ำกว่าหนึ่งบาทไปแล้ว ในขณะที่เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะราคาค่าเงินไม่นิ่งตลอดเวลา ผมเองก็แทบไม่อยากจะรับรู้เลย เพราะเมื่อเดือนที่แล้ว อัตราแลกเปลี่ยนเงินจ๊าดต่อดอลลาร์สหรัฐยังนิ่งๆ อยู่ที่ 2,700 – 2,800 จ๊าดต่อหนึ่งดอลลาร์ พอเข้าสู่เดือนสิงหาคมทางบริษัทผมที่ย่างกุ้งได้แจ้งมาว่า อัตราแลกเปลี่ยนตกลงไปอยู่ที่ 3,700 จ๊าดต่อดอลลาร์สหรัฐ ผมเลยบอกไปว่า ไม่ต้องแจ้งให้ผมทราบก็ได้นะครับ เพราะปวดหัวใจเหลือเกินครับ

เพื่อนอินโดนีเชียยังได้ถามผมอีกว่า แล้วบริษัทผมที่ย่างกุ้งยังคงดำเนินธุรกิจอยู่อีกเหรอ? ผมก็ตอบว่า ยังคงต้องดำเนินต่อไป เพียงแต่ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่บ้างเพื่อความอยู่รอด คือการเลิกนำเข้าสินค้าไทยแล้วเปลี่ยนเป็นหาสินค้าที่ผลิตในเมียนมา ที่น่าจะขายได้มาปรับปรุงคุณภาพใหม่ แล้วก็ส่งขายในตลาดเมียนมาต่อไป เพื่อหากำไรมาเป็นค่าใช้จ่ายให้พอเพียงก็พอ ไม่จำเป็นต้องมีกำไรเหลือส่งกลับมาไทยก็ได้ เพราะผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรแล้ว ขอให้น้องๆ มีงานทำไปเรื่อยๆ ก่อนสักระยะหนึ่ง รอให้สถานการณ์ดีขึ้น แล้วค่อยกลับมาดำเนินธุรกิจนำเข้าสินค้าไทยไปขายใหม่ ก็น่าจะอยู่ได้แล้วครับ

จะเห็นว่าปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามาสู่ประเทศเมียนมา ล้วนแล้วแต่น่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติจากธรรมชาติ หรือภัยจากการก่อเหตุภายในประเทศ หรือปัญหาทางเศรษฐกิจ ที่ล้วนแล้วแต่หนักหนาสาหัสทั้งนั้น เราเองอยู่บ้านใกล้เรือนเคียง ด้วยเหตุปัจจัยที่ไม่สามารถยื่นมือเข้าไปช่วยได้ ก็ได้แต่สวดมนต์ภาวนา ขอให้เมียนมาผ่านพ้นภัยทั้งปวงไปให้ได้ครับ