สู้เพื่อประชาธิปไตย หรือรับใช้นักการเมืองโกง

14 เม.ย. 2565 | 07:30 น.
1.2 k

คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน โดย...ประพันธุ์ คูณมี

เห็นข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมือง ของกลุ่มแกนนำคนเสื้อแดง จำนวนหนึ่ง ที่มีการจัดกิจกรรมงานรำลึกเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 หรือพูดให้เข้าใจเหตุการณ์ง่ายๆ ก็คือ รำลึกเหตุการณ์การชุมนุมเผาบ้านเผาเมืองภายใต้การชักใยบงการของ นายทักษิณ ชินวัตร ระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม 2553 นั่นเอง กิจกรรมดังกล่าว มีการจัดขึ้นที่บริเวณอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน โดยมีบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และมวลชนมาร่วมด้วย ภายใต้หัวข้องาน #ยุติธรรมไม่มี 12 ปี เราไม่ลืม 
 

บอกตรงๆ ครับเห็นข่าวกิจกรรมดังกล่าว ที่คนเสื้อแดงไปใช้อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เป็นที่จัดงานแล้ว ชวนให้หงุดหงิดใจว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงมันเกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ใครเป็นคนประเมินและยอมรับว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดง เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย สถานที่แห่งนั้นเหมาะสมกับงานคนเสื้อแดงหรือไม่
 

ย้อนอดีตและศึกษาความเป็นมาของอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา โดยเคารพความเป็นจริงของประวัติศาสตร์ คนในยุคของผู้เขียนทุกท่าน หรือคนที่สนใจติดตามศึกษาความเป็นไปของบ้านเมืองก็จะทราบดีว่า อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา นั้น ก่อสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่รำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์วันที่ 14-16 ตุลาคม 2516 โดยได้สถานที่จัดสร้างบริเวณสี่แยกคอกวัวมาจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นสถานที่ก่อสร้าง ด้วยงบประมาณเงินบริจาคของประชาชนในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 รวมกับเงินบริจาคของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 
 

สร้างสำเร็จขึ้นได้ด้วยแรงสนับสนุนผลักดันของ นักศึกษาประชาชนผู้เข้าร่วมการต่อสู้ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งสถานที่แห่งนี้ มีปฎิมากรรมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ คือ สถูปวีรชน 14 ตุลา เป็นรูปกรวยคว่ำ สูง 14 เมตร จารึกรายชื่อวีรชนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 72 คน และมีบทกวีของคุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ ได้เขียนเล่าบรรยายถึงการต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพ และความเป็นประชาธิปไตย ด้วยพลังบริสุทธิ์ของประชาชนบันทึกไว้ 
 

การสร้างอนุสรณ์สถานแห่งนี้ เพราะ 14 ตุลาคม 2516 เป็นเหตุการณ์บ้านเมือง ที่ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ หรือชักใยอยู่เบื้องหลัง และเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องส่วนรวมของบ้านเมือง ประชาชนผู้เข้าร่วมการต่อสู้ ล้วนเป็นผู้เสียสละและอุทิศชีวิตของตน เพื่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยมีเจตนารมณ์ต่อต้านและคัดค้านอำนาจเผด็จการ เรียกร้องให้ประเทศมีรัฐธรรมนูญปกครองประเทศ 
 

ผู้เสียสละชีวิตจากเหตุการณ์นั้น จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็น "วีรชน" ของประชาชนและประเทศชาติ คุณูปการนี้ จึงได้รับการยอมรับแซ่ซ้องสรรเสริญจากประชาชน และจากสถาบันทางวิชาการ เป็นฉันทามติร่วมกันของประชาสังคม ว่า 14 ตุลา คือการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชน โดยไม่มีใครปฎิเสธหรือโต้แย้งว่า มิใช่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่อย่างใด

หันมาพิจารณาการชุมมนุมของคนเสื้อแดง ที่บรรดาแกนนำบางส่วนพยายามจะจัดกิจกรรมเชิดชูเกียรติพวกตนเอง เพื่อยกย่องตีค่าการชุมนุมในปี 2553 ที่มีเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง จนเกิดเหตุจลาจลวุ่นวาย เผาทำลายทรัพย์สินราชการและเอกชน เสียหายยับเยิน มีผู้คนจำนวนมาก ทั้งเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร และประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เพื่อจะให้ค่าเสมอเหมือนว่าเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เช่นเดียวกับการต่อสู้ของนักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชนในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 นั้น จึงมีปัญหาและคำถามมากมายว่า การชุมนุมดังกล่าวเป็นการชุมนุมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจริงหรือไม่ หรือเป็นการชุมนุมเพื่อรับใช้นักการเมืองโกง ที่สิ้นอำนาจที่ต้องการกลับมามีอำนาจปกครองบ้านเมืองอีกครั้ง 
 

โดยหลอกใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ และการกล่าวอ้างว่าเป็นการเสียสละเพื่อประชาธิปไตย ของคนเสื้อแดงที่ออกมาต่อสู้หรือเสียชีวิต ถามว่าใครเป็นผู้ประเมินและตีค่าว่าเป็นเช่นนั้น สถาบันทางวิชาการใดเป็นผู้รับรอง ประชาชนจำนวนมากในประเทศ หาได้ยอมรับว่าเป็นเช่นนั้นแต่อย่างใดไม่ มีแต่พวกเดียวกันเองยกยอกันเองเท่านั้น
 

ความเป็นจริงเรื่องนี้ จึงมิอาจปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ เพราะข้อเท็จจริงที่รู้และเห็นกันโดยโทนโท่ ว่าใครชักใยบงการและก่อให้เกิดเหตุการณ์นี้ ทุกคนที่เป็นแกนนำคนเสื้อแดงที่ออกมาต่อสู้ ต่างรู้ดีแก่ใจตนเองว่า ออกมากระโดดโลดเต้น ชวนประชาชนมาเผาบ้านเผาเมืองเลยพี่น้องนั้น เพราะต้องการรับใช้ทักษิณ สู้เพื่อทักษิณ ด้วยน้ำเลี้ยงจากทักษิณให้กลับมามีอำนาจทางการเมืองอีกครั้ง หลังถูกยึดอำนาจ และต้องคดีทุจริตจนหลบหนีไปอยู่ต่างแดน 
 

ในที่ชุมนุมทักษิณจะโฟนลิ้งค์มาในที่ชุมนุมตลอดเวลา กระทั่งประกาศกร้าวว่า ถ้าเสียงปืนดังขึ้นตนจะมานำพี่น้องต่อสู้ด้วยตนเอง ซึ่งความเป็นจริงเรื่องนี้ ในวันจัดงานเมื่อ 10 เมษายน 2565 ที่อีกเวทีหนึ่ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประธานของแกนนำคนเสื้อแดง ที่แตกวงออกไปจากกลุ่มแกนนำ ก็ออกมายอมรับว่าใครอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง และเคลื่อนไหวเพื่ออะไร ทำเพื่อพรรคการเมืองใด และใครคือผู้บงการอยู่เบื้องหลัง คอยชี้นำการตัดสินใจ และมวลชนที่ออกมาเคลื่อนไหว ก็ล้วนแต่เป็นมวลชนฐานเสียงของพรรคการเมืองทักษิณ 
 

มวลชนจำนวนมากต่างยอมรับและรู้ดีว่าตนถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อการลุกฮือขึ้นสู้ในเมืองหวังจะปฏิวัติยึดอำนาจโดยอ้างกำลังประชาชน ร่วมกับกองกำลังติดอาวุธที่เตรียมการไว้ ร่วมกับกำลังทหารที่ภักดีกับทักษิณจำนวนหนึ่ง ที่มีพวกขบวนการล้มเจ้า และอดีตพรรคคอมมิวนิสต์เข้าผสมโรง แต่แผนการนี้ต้องพ่ายแพ้ ล้มเหลวลงโดยสิ้นเชิง เพราะการชุมนุมครั้งนั้น เป็นการต่อสู้ที่ไม่ถูกต้องเป็นธรรม และเป็นการเมืองเพื่อรับใช้นักการเมืองโกงนั่นเอง 
 

การจัดงานรำลึกครั้งนี้ จึงไม่รู้ว่ารำลึกเรื่องอะไร เพื่อใคร ยิ่งอ้างเอาเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 2553 ก็ยิ่งเป็นประจานตนเอง เพราะเหตุการณ์นั้น เป็นเรื่องที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีกองกำลังติดอาวุธ เข้าต่อสู้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหาร จนเสียชีวิตหลายนาย หาใช่เหตุการณ์ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแต่อย่างใด
 

ข้อเท็จจริงเรื่องการชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่บรรดาพวกแกนนำที่หลงเหลืออยู่ พยายามจะสร้างค่าสร้างราคา ตีค่าเสมอเหมือนการต่อสู้ของประชาชน เมื่อ 14 ตุลาคม 2516 นี้ จึงเป็นความพยายามปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ บิดเบือนความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ กลับขาวเป็นดำกลับดำเป็นขาว ทั้งๆ ที่เหตุการณ์ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2553 คือการชุมนุมเพื่อคนโกง รับใช้นักการเมืองทุจริต ที่ทรยศต่อประเทศชาติและประชาชน 
 

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่มีสิทธิที่จะอ้างเอาประชาธิปไตยมาบังหน้า ไม่มีสิทธิ์ใดๆ ที่จะใช้อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา มาล้างคราบสกปรกทางการเมืองให้กับตนเอง พวกคุณควรละอายใจ ที่บังอาจไปใช้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และมีเกียรติสำหรับวีรชนเพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง มาจัดกิจกรรมล้างคราบไคลให้กับตนเอง คนเดือนตุลาที่ไม่ขายจิตวิญญาณ ต่างรู้สึกละอายใจและสมเพชกับการกระทำดังกล่าว เป็นอย่างยิ่ง
 

ใครจะรับใช้นักการเมืองชั่วหรือคนโกง คนทุจริตหรืออาศัยคราบนักประชาธิปไตย ค้าขายหาประโยชน์ทางการเมืองสำหรับตนเองอย่างไร เป็นสิทธิของบุคคลนั้นๆ อยากเลือกอนาคตอยากรับใช้ใครก็เชิญกระทำไปเถิดครับ มันชีวิตของพวกคุณ ทุกอย่างอยู่ที่กรรมของแต่ละคน แต่อย่ามาใช้สถานที่อันเป็นอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา อนุสาวรีย์แห่งวีรชนประชาธิปไตย เป็นที่ทำมาหากินทางการเมือง ล้างคราบสกปรกให้กับตนเอง เพราะพวกคุณไม่ใช่นักประชาธิปไตย เพื่อประชาชนที่แท้จริง