ประชาธิปไตยแบบไทย สร้างชาติให้เจริญได้

02 ธ.ค. 2564 | 12:30 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ธ.ค. 2564 | 19:37 น.
1.7 k

คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน โดย...ประพันธุ์ คูณมี

แม้บ้านเมืองของเราจะผ่านพ้นเหตุการณ์วิกฤติมามากมาย ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งในทางเศรษฐกิจ การเมือง และ ทางสังคม รวมถึงผลกระทบที่รุนแรงจากวิกฤติโรคระบาดครั้งใหญ่ ด้วยเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่คร่าชีวิตชาวโลกนับร้อยล้านคน ส่งผลต่อเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลก ล้วนได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงและรุนแรง แต่ประเทศไทยของเราก็ยังประคองตัวฝ่าวิกฤติมาได้ แม้ยังจะต้องเผชิญกับปัญหาที่ท้าทายในเบื้องหน้าอีกมากมายก็ตาม

 

ในความเคลื่อนทางการเมือง ที่มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตประชาชน และความพยายามของกลุ่มและพรรคการเมืองจำนวนหนึ่ง ที่มีความพยายามจัดทัพ จัดขบวนเคลื่อนไหวเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเมือง การปกครอง การปฏิรูปสถาบัน จนนำไปสู่การล้มล้างระบอบการปกครอง ซึ่งแม้จะกระทำจนทุกวิถีทางด้วยรูปแบบหลากหลาย ทั้งสันติและด้วยความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ เพียงใด แต่ก็ไม่สามารถทำลายระบอบการเมืองไทย ที่เป็นไปและดำรงอยู่ในปัจจุบันลงได้

มีความพยายามอย่างยิ่งจากม็อบสามกีบ และกลุ่มการเมืองปีกฝ่ายค้าน ที่จะแบ่งแยกสังคมและการเมืองให้เป็นสองฝ่าย โดยอ้างฝ่ายค้านและมวลชนสามกีบว่าเป็น "พวกฝ่ายประชาธิปไตย" และชี้นิ้วสวมหมวกให้ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามหรือไม่เห็นด้วยกับตนว่าเป็น "พวกฝ่ายเผด็จการ" แต่ความพยามดังกล่าวกลับล้มเหลว ไม่ประสบผลสำเร็จแต่อย่างใด เพราะประชาชนส่วนใหญ่ มิได้เห็นคล้อยตาม

 

แถมพฤติกรรมของฝ่ายที่อ้างตนเองว่าเป็นประชาธิปไตย กลับแสดงออกถึงการไม่เคารพต่อสิทธิ เสรีภาพของผู้อื่น ก้าวร้าวและนิยมความรุนแรง ละเมิดกฎหมาย จนเลยเถิดไปถึงพฤติกรรมคิดล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเสียเอง ดังปรากฏตามคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ วาทกรรมเผด็จการ-ประชาธิปไตย จึงไม่อาจใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อประโยชน์ของกลุ่มตนต่อไปได้

ไม่ว่าเราท่านจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ การเมืองการปกครองของประเทศไทยขณะนี้ ด้วยการให้นิยามว่าเป็นระบอบใด อย่างไรก็ตาม ย่อมปฏิเสธและหนีความจริงไปไม่พ้นว่า ประเทศไทยนั้นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เรามีกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ มีการเลือกตั้งทั้งในระดับประเทศและในระดับท้องถิ่น เพื่อให้มีรัฐบาลปกครองประเทศ และมีผู้บริหารท้องถิ่นในระดับต่างๆ เป็นตัวแทนประชาชนในการบริหารกิจการส่วนท้องถิ่น

 

ใครจะด่าจะประณามว่าประเทศไทยปกครองด้วยระบอบเผด็จการย่อมฟังไม่ขึ้น เพราะประเทศไทยมีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ที่เป็นแบบไทยๆ โดยไม่จำเป็นต้องเหมือนประเทศอื่น และการปกครองทั่วโลกของแต่ละประเทศ ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเหมือนกัน ขึ้นกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สภาพสังคม และความเหมาะสมสอดคล้องกับประชาชนประเทศนั้นๆ เป็นสำคัญ

 

และไม่อาจพูดได้อีกต่อไปแล้วว่า การปกครองแบบประชาธิปไตย เจริญกว่าการปกครองรูปแบบอื่นๆ ตัวอย่างของประเทศจีน ได้พิสูจน์สัจจธรรมในข้อนี้ให้โลกได้เห็นเป็นประจักษ์แล้ว ดังนั้น ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ก็ทำให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรืองแบบคนไทยได้ ดังที่เห็นและเป็นอยู่

 

ต้งแต่ 22 พ.ค.2557 จนถึงปัจจุบัน ภายใต้การปกครองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แม้จะถูกโจมตี วิพากษ์วิจารณ์ ถูกด่าสารพัด หรือแม้แต่ถูกตราหน้าว่าเป็นเผด็จการอย่างไรก็ตาม แต่ "รัฐบาลลุงตู่" ก็บริหารปกครองประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญ เป็นนายกรัฐมนตรีมาตามกระบวนการของรัฐสภา บริหารประเทศจนถึงปัจจุบันรวมเวลา 7 ปี 6 เดือน ทำสถิติใก้ลเทียบเคียงกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษเข้าไปทุกขณะ

 

แม้จะต้องเผชิญปัญหามากมาย มีบางครั้งอาจทำให้สะดุด หรือมีเหตุการณ์สั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาลไปบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าราบรื่นเหนือความคาดหมาย และมาไกลเกินคาด กลายเป็นความลงตัวของสถานการณ์ และเป็นผู้นำที่เกิดขึ้นอย่างสอดรับกับเหตุการณ์บ้านเมือง หากประชาชนและทุกภาคส่วนในสังคมไม่ยอมรับ “รัฐบาลลุงตู่” คงไม่สามารถอยู่ได้และมาไกลถึงเพียงนี้

 

หันกลับไปดูผลงานและความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองในรอบ 7 ปี 6 เดือนที่ผ่านมาแทบไม่น่าเชื่อ ใครจะไปคิดว่ารัฐบาลที่ก้าวมาจากการรัฐประหารล้มระบอบทักษิณ ผันตัวเองสู่อำนาจด้วยการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ เป็นนายทหารที่เป็นนายกรัฐมนตรี โดยรัฐสภาโหวตเสียงข้างมากรับรอง จะสามารถบริหารประเทศ สร้างความเปลี่ยนแปลงที่เป็นการพัฒนาประเทศด้วยผลงานต่างๆ มากมาย แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยที่เอาแต่โกงกิน แบบโกงกันทั้งโคตรในอดีตที่ผ่านมา

 

รัฐบาลที่กลุ่มสามกีบประณามหรือฝ่ายค้านปรามาส กลับเป็นผู้แก้ปัญหาให้ประชาชนและพัฒนาประเทศให้ก้าวมาไกลอย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่าการทวงคืนผืนป่า แก้ปัญหาการประมงผิดกฎหมาย ปรับปรุงภูมิทัศน์ตามถนนในกรุงด้วยสายไฟฟ้า โทรคมนาคม หมุดลงใต้ดินเกือบทุกสาย แม่น้ำลำคองสะอาดสามารถเดินเรือได้ เป็นที่พักผ่อนออกกำลังกาย จัดประเพณีลอยกระทงได้ จากอดีตที่เป็นน้ำครำเน่าเหม็น

 

นอกจากนี้ยังเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยสวนสาธารณะมากมายตามเมืองใหญ่ ประชาชนมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระบบสาธารณสุข การแพทย์ การรักษาพยาบาลประชาชนดีเป็นที่ยอมรับในระดับโลก มีโครงการประชารัฐช่วยคนจนและประชาชนผู้มีรายได้น้อย ระบบการคมนาคมและการเดินทางรวดเร็วทันสมัยด้วยรถไฟฟ้าสายต่างๆ รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ เกิดขึ้นพร้อมกันหลายสาย จนถือได้ว่าไทยมีระบบขนส่งและถนนหนทางที่เจริญกว่าทุกประเทศในอาเซียน

 

มีสถานีรถไฟกลางบางซื่อใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ยังไม่นับถึงท่าเรือขนาดใหญ่ทั้งมาบตาพุด แหลมฉบัง สนามบินสุวรรณภูมิ และในภูมิภาค ที่ถูกยกระดับเป็นสนามบินนานาชาติ และการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในต่างจังหวัดและภูมิภาคของประเทศ ให้มีถนน สะพาน แหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่เป็นจุดสนใจและเป้าหมายใหม่ๆ ของนักเดินทาง ทำให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโลก

 

ใครๆ ที่สนใจอยากรู้ว่าบ้านเมืองของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในรอบ 7 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา ต้องลองเข้าไปดูในเวปไซต์หรือเพจ "ลุงตู่" บ้างก็จะดี หรือไม่ก็เปิดดูตามคลิปผลงานรัฐบาลที่มีการเผยแพร่โดยทั่วไปบ้าง อย่างน้อยจะได้มองโลกด้วยสายตาที่เป็นธรรม และตรงกับความเป็นจริงโดยไม่หลอกตัวเอง

 

บ้านเมืองของเราจะดีจะร้ายอย่างไร พวกเราคือคนไทย ประเทศไทย เราเป็นชาติที่มีประวัติศาสตร์ มีวัฒนธรรม มีสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่มีความต่อเนื่องยาวนานนับพันๆ ปี เป็นประเทศที่มีรากมีที่มาของความเป็นชาติไทย ความเป็นประชาธิปไตยแบบไทย ย่อมมีเอกลักษณ์ของความเป็นชาติไทยที่ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องเหมือนชนชาติอื่น

 

เราก็สามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองไทยได้ ด้วยระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ทั้งนั้น ขอเพียงอย่าโกงกิน อย่าทรยศประชาชน ทำเพื่อประโยชน์ประเทศและประชาชนเป็นสำคัญเท่านั้น ระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ นี่แหละ ก็สามารถพาชาติไทยให้เจริญรุ่งเรืองได้