นายกรัฐมนตรีแบบไหน ที่ประชาชนต้องการ

03 พ.ย. 2564 | 07:00 น.
1.1 k

คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน โดย...ประพันธุ์ คูณมี

ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีการเลือกตั้งโดยทั่วไป หรือจะมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง อันจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่แต่อย่างใด แต่ทำไมแต่ละพรรคการเมืองจึงแข่งขันกันช่วงชิงทำข่าว เปิดตัวผู้สมัครของพรรค มีกิจกรรมประชุมพรรค เปลี่ยนกรรมการบริหาร เลือกหัวหน้าพรรค เปิดตัวบุคคลสำคัญๆ ของพรรค เพื่อชิงคะแนนเสียงเรียกความนิยมจากประชาชน ปลุกขวัญสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกพรรค 


ประหนึ่งว่าการเลือกตั้งกำลังจะเริ่มขึ้นไวๆ นี้ จนพลอยทำให้ผู้คนคิดไปว่าจะมีการเลือกตั้ง และโพลล์หลายสำนักก็มีการสอบถามความคิดเห็นประชาชน สำรวจความนิยมออกมาแบบรายเดือน ว่าใครเหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป แล้วสื่อก็นำมาประโคมเป็นข่าว แบบถูกบ้างผิดบ้างหรือน่าเชื่อถือหรือไม่เพียงใด เป็นวิจารณญาณของผู้เสพข่าวสารเองต้องพิจารณา 


ด้วยบรรยากาศเช่นนี้ ทำให้วงสนทนา สภากาแฟทั้งหลาย ต้องมาตั้งวง ถกแถลงกันไปต่างๆ นานาว่า ใครเหมาะสมเป็นนายกฯ มากกว่ากัน ทั้งๆ ที่ว่าไปแล้วยังมีเวลาอีกนานกว่าจะได้เห็นบรรยากาศการเมือง การเลือกตั้งเกิดขึ้น เพราะดูแนวโน้มแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ "ลุงตู่" ของหลานๆ ท่าจะยังอยู่ในตำแหน่งไปอีกเกือบ 2 ปี กว่าจะครบเทอม

แต่อย่างไรก็ตาม คนไทยประเภทคอการเมืองทั้งหลาย ในทุกวงสนทนาก็หนีไม่พ้นที่จะถามและตั้งประเด็นสนทนาในเรื่องนี้ สาเหตุคงมาจากหลายปัจจัยดังกล่าว ประกอบกับมีความเคลื่อนไหวเรื่องการตั้งพรรคการเมืองใหม่ๆ โดยแตกกลุ่มมาจากพรรคเก่าหลายกลุ่ม อาทิ จากพรรคประชาธิปัตย์, พรรคเพื่อไทย และที่กำลังคบคิดจะจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ จากหลายกลุ่มคน เมื่อผสมโรงเข้ากับพรรคเพื่อไทยที่วันนี้เป็นฝ่ายค้าน มีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรค, กรรมการบริหารชุดใหม่ และเปิดตัวลูกสาวเจ้าของพรรคตัวจริง มาเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค จนถูกล้อว่าพรรคการเมืองพรรคนี้ น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคที่ชื่อว่า "พรรคชินวัตร" เสียให้สิ้นเรื่องจากหลายสื่อ เพราะไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร คนก็ยังเชื่อว่า พรรคการเมืองพรรคนี้ เป็นของตระกูลชินวัตร ที่ควบคุมกำกับโดย นายทักษิณ ชินวัตร อยู่ดีนั่นเอง แม้หัวพรรคคนใหม่จะเป็นใคร ก็แทบไม่มีใครให้ความสนใจเลย


ด้วยบรรยากาศการเมืองดังกล่าว จึงทำให้วงสนทนาทางการเมือง มักจะถามกันเสมอๆว่า อนาคตการเมืองข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ถ้าไม่ใช่ "ลุงตู่"

ผมได้มีโอกาสสนทนากับนักธุรกิจชั้นนำ มหาเศรษฐีท่านหนึ่งของเมืองไทย ได้ฟังแนวคิดของนักธุรกิจท่านนี้ ที่แสดงความเห็นและตั้งคำถามกับผมและเพื่อนร่วมวงสนทนา ซึ่งฟังแล้วทำให้ต้องสะอึก จุกอกไปสักพักเหมือนกัน เพราะความคิดเห็นและคำถามของท่านนั้นแหลมคม ตรงประเด็นกับสภาพบ้านเมืองไทยยามนี้จริงๆ จึงอดไม่ได้ที่จะนำมาเล่าสู่ฟัง


โดยท่านถามว่า "บ้านเมืองของเรา การเมืองจะเดินไปอย่างไร แล้วใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป?" ทำให้ทุกคนอึ้งนิ่งเงียบ พูดไม่ออกตอบไม่ถูก เมื่อไม่มีใครออกความเห็น ท่านก็เลยต้องพูดความในใจ และความอึดอัดออกมาให้พวกเราฟังว่า "ดูไปแล้วประเทศไทยน่าเป็นห่วง เพราะคงหนีไม่พ้นที่จะต้องเจอคือ 


( 1.) นายกรัฐมนตรีที่เป็น "นอมินี" ที่มีคนกำกับสั่งการ ประเภทที่หาความเป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเองไม่ได้ ไร้ความสง่างาม ไม่มี Charisma ต้องทำงานตามใบสั่งดูไบ 


(2.) นายกรัฐมนตรีที่เป็นอดีตทหาร หรือ นักการเมืองหัวหน้าพรรค เป็นผู้นำประเทศที่มีความอิสระ เป็นตัวของตัวเอง ไม่ตกอยู่ในอาณัติสั่งการของใคร แต่อาจไม่เก่ง ฉลาดแบบพ่อค้านักธุรกิจ แต่ยังดีที่มีความซื่อสัตย์ต่อบ้านเมือง 


ส่วนที่ (3.) คือ คนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง แต่วันๆ ก็เอาแต่พร่ำเพ้อจะแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112, ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ หรือเอาแต่ด่าโจมตีบ้านเมืองตัวเอง โดยไม่มีไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆ ว่า จะพัฒนา สร้างประเทศ นำพาบ้านเมืองไปในทิศทางใด จะช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนอย่างไร ปิดประเทศก็ด่า เปิดประเทศมันก็แช่ง วันๆ ก็เอาแต่ป่วนเมือง ไม่รู้ว่าจะพึ่งพาฝากอนาคตประเทศไว้ด้วยได้หรือไม่ ดูแล้วน่ากลุ้มใจ


นี่คือความจริงที่ออกจากปากนักธุรกิจใหญ่ ระดับมหาเศรษฐีชั้นนำของเมืองไทย ที่พูดไปออกความคิดเห็นไป ก็ถอนหายใจไป เหมือนไม่รู้ว่าชะตากรรมของบ้านเมืองข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ประเทศไทยจะโชคดีหลังวิกฤติโควิดหรือไม่ เพราะหายนะจากพิษโรคระบาดร้ายแรงครั้งนี้ กระทบถึงสภาพทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างหนักหนาสาหัสที่สุดเท่าที่เคยประสบมา ถ้าได้ผู้นำประเทศที่ดี บ้านเมืองก็คงจะฝ่าฟันวิกฤติไปได้ และมีโอกาสฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว แต่ถ้าได้ผู้นำประเทศ ประเภทที่มือไม่พายเอาเท้าราน้ำซ้ำเติมแต่วิกฤติประเทศ หรือพวกโกงทั้งโคตร ก็เห็นทีชาติต้องย่อยยับบรรลัยเป็นแน่


การเลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อเลือกคนมาเป็นนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐบาลชุดใหม่ จึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่ออนาคตของชาติ


จำเป็นที่คนไทยพี่น้องไทยทุกคน ควรให้ความสนใจติดตามและรับฟังข่าวสารบ้านเมืองไว้บ้างก็จะดี คนไทยยุคนี้ พ.ศ.นี้ ยุคที่เทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้า เครื่องมือสื่อสารรวดเร็วทันสมัย ข่าวสารไปถึงทุกครัวเรือน การศึกษาสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้ง่าย จึงไม่ควรตกเป็นเครื่องมือของคนโกง นักการเมืองหลอกลวง จอมปลอม อีกต่อไป 


การรู้จักคิด รู้จักเลือก อย่างมีเหตุผลของคนไทยเท่านั้น ที่จะพาชาติบ้านเมืองของเราไปรอด การศึกษาเรียนรู้และรู้จักสรุปบทเรียนว่าใครทำลายประเทศ โกงกินบ้านเมือง ทำลายสังคม สร้างความแตกแยกแก่คนในชาติ เล่นการเมืองโดยใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือเหยียบย่ำขึ้นสู่อำนาจ โดยไม่คำนึงว่าประชาชนจะบาดเจ็บล้มตายอย่างไร ใครจะติดคุกติดตะรางอย่างไร พวกเขาก็มิได้สนใจใยดี ขอเพียงแต่ให้วงศาคณาญาติของพวกเขาได้เสวยตำแหน่งทางการเมือง ได้อำนาจเพื่อประโยชน์ตนและพวกพ้องก็เป็นพอ 


พวกที่ทำทุกวิถีทางให้ตนเองพ้นผิดจากคดีโกง ได้กลับประเทศแบบไร้ความผิด คนเช่นนี้ ประชาชนไทยควรจะให้โอกาสทางการเมืองหรือไม่ ควรจะสนับสนุนพรรคการเมืองของเขาหรือไม่ และประชาชนควรสนับสนุนนายกรัฐมนตรีแบบใด นี่คืออนาคตและทางเลือกของประชาชน ที่จำเป็นต้องคิดให้จงหนัก


ท่านจะเลือกนายกรัฐมนตรีแบบไหน จะสนับสนุนพรรคการเมืองอย่างไร ย่อมผูกพันกับอนาคตประเทศ และชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งมวล อนาคตประเทศอยู่ในมือท่าน จงใช้วิจารณญาณก่อนตัดสินใจครับ จะเลือกนายกรัฐมนตรีแบบใด

 

หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ  ฉบับที่ 3,728 วันที่ 4 - 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564