“ปีกระต่าย” ลุ้นท่องเที่ยวบูม ดันเศรษฐกิจไทย

*** คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3849 ระหว่างวันที่ 1-4 ม.ค.2566 โดย “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย  
 

*** ลาทีปีขาล ปี “เสือดุ” จาก 2565 สู่ 2566 ปีเถาะ หรือ กระต่าย ยังไม่รู้ว่าจะเป็น “กระต่ายตื่นตูม” หรือ “กระต่ายทอง” ของใครต่อใครหรือไม่ แต่ “ว.เชิงดอย” ขออวยพรให้ปี 2566 นี้ ทุกคนพบเจอแต่ความโชคดี สุขภาพแข็งแรง มีความสุขทั้งครอบครัว ขอให้การงานประสบความสำเร็จและก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป ที่สำคัญขอให้ภาวะเศรษฐกิจของทุกๆ คน ทุกครัวเรือน ดียิ่งๆ ขึ้นไป ไม่เลวร้าย หรือ ต้องทุกข์เดือดร้อนๆ เลย
 

*** เริ่มต้นปีใหม่นี้ ขอไปพูดถึงข่าวดีดี ที่จะส่งผลดีต่อภาวะ “เศรษฐกิจไทย” นั่นคือ กรณีที่ “จีน” เตรียมเปิดประเทศ ตั้งแต่ 8 ม.ค.2566 โดยยกเลิกการกักตัวสำหรับผู้โดยสารบนเที่ยวบินระหว่างประเทศ แต่ผู้เดินทางเข้าจีน ยังต้องทำการตรวจหาเชื้อแบบ PCR ก่อนออกเดินทางจากประเทศต้นทางเป็นเวลา 48 ชั่วโมง 
 

*** ผลพวกจาก “จีนเปิดประเทศ” มีข้อมูลจากการท่าอากาศยานไทยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2566 ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.2565 - 4 ม.ค.2566 คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางผ่านทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ ท่าอากาศยานของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ประมาณกว่า 2 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละ 3 แสนคน เพิ่มขึ้น 170% เมื่อเทียบกับช่วงปีใหม่ 2565 และเพิ่มขึ้น 108% เมื่อเทียบกับสงกรานต์ปีที่ผ่านมา ส่วนเที่ยวบินรวมมีกว่า 12,000 เที่ยวบิน เฉลี่ยวันละกว่า 1,700 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 87%  เมื่อเทียบกับช่วงปีใหม่ 2565 และเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับสงกรานต์ 
 

*** โดยเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คาดว่าเที่ยวบินช่วงปีใหม่เติบโตกว่า 140% และผู้โดยสารเติบโต 260% จากปีใหม่ปีที่แล้ว ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานภูเก็ต คาดว่ามีเที่ยวบินช่วงปีใหม่เติบโต 90% และ 80% ส่วนผู้โดยสารคาดว่าเติบโต 130% และ 170% ตามลำดับ 
 

*** ส่วนกรณีที่ “จีนเปิดประเทศ” ทอท.คาดว่าตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่จะเริ่มมีสายการบินทยอยแจ้งขอกลับมาทำการบินอีกครั้ง โดยเป็นการแจ้งล่วงหน้าก่อนวันหยุดปีใหม่ เพื่อเตรียมเที่ยวบินให้พร้อมช่วงต้นเดือน ม.ค.2566 ที่จะเปิดประเทศ ซึ่งเบื้องต้นจะเป็นการกลับมาทำการบินที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และ ภูเก็ต ก่อน รวมทั้งเที่ยวบินเช่าเหมาลำ ที่จะเข้ามาในช่วงเทศกาลตรุษจีนในช่วงกลางเดือน - ปลายเดือน ม.ค.2566 
 

*** คาดการณ์ในช่วงเดือนปีใหม่ต่อเนื่องตลอด ม.ค.2566 ผู้โดยสารจะเดินทางเฉลี่ยวันละประมาณ 310,000 - 340,000 คน จากปัจจุบันเดือน ธ.ค.2565 มีผู้เดินทางเฉลี่ยวันละ 275,000 คน และเป็นผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฉลี่ยวันละประมาณ 140,000 - 170,000 คน จากปัจจุบัน ธ.ค.มีผู้เดินทางเฉลี่ยวันละ 133,000 คน พร้อมคาดการณ์ว่าตลอดปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางผ่านท่าอากาศยานของ ทอท. ประมาณ 7-10 ล้านคน จากเดิมที่ก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 มีจำนวน 20.5 ล้านคน 
 

*** จากข่าวดีด้านเศรษฐกิจ ไปดู “ข่าวร้าย” ด้านการเมือง เป็นข่าวร้ายสำหรับ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯและรมว.กลาโหม เพราะพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย ก้าวไกล เสรีรวมไทย ประชาชาติ เพื่อชาติ พลังปวงชนไทย และฝ่ายค้านอิสระ ของ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ได้เข้าชื่อยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2565 ที่ผ่านมา 
 

แน่นอนการอภิปรายครั้งนี้ “เป้าใหญ่” มุ่งถล่มการบริหารงานที่ฝ่ายค้านมองว่าผิดพลาดล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนเดิม การอภิปรายแม้จะไม่สามารถทำอะไรรัฐบาลได้ แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ “ฝ้ายค้าน” ได้ถล่มรัฐบาล ถล่มพรรคร่วมรัฐบาล โชว์ประชาชน หาเสียงกับประชาชน ก่อน “ปิดฉากสภา” เพื่อไปเลือกตั้งกันใหม่ไม่เกินวันที่ 7 พ.ค.2566 
 

*** ชวน หลีกภัย คาดหมายว่า ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนถึงช่วงปลายเดือน ม.ค.2566 น่าจะสามารถเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติได้ แต่ก็ต้องหารือกับทางฝ่ายรัฐบาลด้วยว่าพร้อมตอนไหน ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว บอกว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเปิดยุทธการ “ถอดหน้ากากคนดี”  เป็นการสอบถามข้อเท็จจริง เสนอแนะปัญหาต่อ ครม. ในการบริหารราชแผ่นดิน เนื้อหาโดยรวมเป็นความล้มเหลวของการทำหน้าที่ในบริหารราชการแผ่นดิน “ครั้งนี้เราจะถอดให้เห็นว่า คนดีที่ใส่หน้ากากให้พวกเราดูมา 4 ปี หรือ นับย้อนหลังรวม 8 ปี โดยอ้างว่าเป็นคนดีเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง โดยยื้อแย่งอำนาจไปจากประชาชน เมื่อเข้ามาทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินเป็นอย่างไร เนื้อแท้คนดีเป็นอย่างไร ผลงานที่คนดีมอบให้ประชาชนเป็นอย่างไร หลายเรื่องเราเตรียมพร้อมไว้หมด เจาะลึกทุกประเด็น”