อัปเดตศึกภาษีทรัมป์ 2.0 ใครโดนเท่าไหร่? กระทบเศรษฐกิจโลกแค่ไหน?

21 มี.ค. 2568 | 15:18 น.
อัปเดตล่าสุด :21 มี.ค. 2568 | 15:19 น.

นโยบายภาษีของทรัมป์รอบใหม่พุ่งเป้าจัดหนักจีน แคนาดา เม็กซิโก และยุโรป เก็บภาษีเหล็ก อลูมิเนียม ไม้แปรรูป และอีกมากมาย กระทบเศรษฐกิจโลกแค่ไหน?

นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในต้นปี 2025 นโยบายการค้าของสหรัฐฯ ก็กลับเข้าสู่โหมด "อเมริกาต้องมาก่อน" (America First) อีกครั้ง พร้อมมาตรการภาษีใหม่ที่ส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก ทรัมป์เดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศคู่ค้า ทั้งแคนาดา เม็กซิโก จีน สหภาพยุโรป และอีกหลายประเทศ โดยใช้เหตุผลด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการค้าเป็นตัวขับเคลื่อน ฐานเศรษฐกิจจะมาสรุปว่า ล่าสุดประเทศใดได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์ 2.0 บ้าง และมาตรการใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตคืออะไร?

 

จีน

  • สหรัฐฯ เริ่มต้นด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 10% เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2025 และต่อมาได้เพิ่มเป็น 20% ในวันที่ 4 มีนาคม 2025
  • นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังยกเลิกมาตรการยกเว้นภาษีสำหรับพัสดุขนาดเล็กจากจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่ออีคอมเมิร์ซข้ามแดน
  • จีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์นม รวมถึงใช้มาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าสำคัญ

 

แคนาดา

  • วันที่ 4 มีนาคม 2025 ทรัมป์ประกาศภาษี 10% สำหรับพลังงานจากแคนาดา และ 25% สำหรับสินค้าอื่นๆ
  • แคนาดาโต้กลับด้วยการเก็บภาษี 25% มูลค่า 155,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา ครอบคลุมสินค้าเกษตร เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า

 

เม็กซิโก

  • ถูกเก็บภาษี 25% ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2025 หลังจากหมดระยะเวลาผ่อนผัน 30 วัน
  • เม็กซิโกยอมส่งกองกำลังรักษาชายแดนเพิ่มเติม เพื่อพยายามลดมาตรการภาษีของสหรัฐฯ

สหภาพยุโรป

  • สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษี 25% กับเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้าจากยุโรป มีผลตั้งแต่ 12 มีนาคม 2025
  • อียูตอบโต้ด้วยการคืนชีพ "ภาษีตอบโต้" ที่เคยใช้ในปี 2018 และ 2020 ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 1 เมษายน 2025 ครอบคลุมสินค้าสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการภาษีตอบโต้กับสินค้าสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 18,000 ล้านยูโร ซึ่งรวมถึงสินค้าประเภทเหล้า ไวน์ รถจักรยานยนต์ และสินค้าเกษตร
  • แคนาดาเองก็ไม่น้อยหน้า กำหนดภาษี 25% กับสินค้าสหรัฐฯ รวมมูลค่า 29,800 ล้านดอลลาร์แคนาดา ครอบคลุมสินค้าประเภทเหล็ก อลูมิเนียม คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์กีฬา และสินค้าจำเป็นอื่นๆ
     

ออสเตรีย ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน ตุรกี สหราชอาณาจักร

  • ทรัมป์สั่งให้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ พิจารณาความเป็นไปได้ในการตอบโต้ภาษีดิจิทัลเซอร์วิสที่ประเทศเหล่านี้เก็บจากบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ

อัปเดตศึกภาษีทรัมป์ 2.0 ใครโดนเท่าไหร่? กระทบเศรษฐกิจโลกแค่ไหน?

 

มาตรการภาษีใหม่ที่อาจตามมา

นอกจากภาษีที่บังคับใช้แล้ว ทรัมป์ยังมีแผนขยายมาตรการภาษีไปยังสินค้าหลายประเภท ได้แก่...

  • ไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ อยู่ระหว่างการสอบสวนว่าการนำเข้าไม้แปรรูปมีผลกระทบต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ หรือไม่
  • ทองแดง อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะใช้มาตรการภาษีเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าทองแดงจากต่างประเทศ
  • ภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) คาดว่าในวันที่ 2 เมษายน 2025 สหรัฐฯ จะประกาศอัตราภาษีใหม่ที่สะท้อนระดับภาษีของประเทศคู่ค้า

ในเดือนมีนาคม ทรัมป์ยังแสดงท่าทีว่าจะขยายมาตรการภาษีไปสู่สินค้าใหม่ โดยได้สั่งให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ตรวจสอบว่าการนำเข้าไม้แปรรูปและทองแดงเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศหรือไม่ ซึ่งอาจนำไปสู่การเก็บภาษีสินค้าเหล่านี้ในอนาคต

ภาษีตอบโต้แบบ "Reciprocal Tariff" จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ

สิ่งที่น่าจับตามองคือมาตรการ "Reciprocal Tariff" หรือภาษีตอบโต้แบบสมมาตร ที่มีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน 2025 โดยทรัมป์เตรียมประกาศอัตราภาษีใหม่สำหรับแต่ละประเทศตามระดับภาษีที่ประเทศนั้นเรียกเก็บจากสหรัฐฯ

หากประเทศใดเก็บภาษีสูง สหรัฐฯ ก็จะเก็บภาษีตอบโต้ในระดับเดียวกัน ซึ่งหมายความว่า บางประเทศอาจต้องเผชิญภาษีที่สูงกว่าปัจจุบันอย่างมาก หากไม่มีข้อตกลงใหม่กับสหรัฐฯ

บรรดานักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า มาตรการภาษีรอบใหม่นี้อาจเพิ่มต้นทุนสินค้าทั่วโลก กระทบห่วงโซ่อุปทาน และทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มแสดงความกังวล โดยดัชนีหุ้นปรับตัวลงก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม

 

อินเดียและประเทศอื่นๆ เริ่มหาทางรับมือ

อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่พยายามปรับตัวล่วงหน้า โดยนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ได้พบกับทรัมป์เมื่อต้นปี และทั้งสองฝ่ายตกลงจะเจรจาลดภาษีเพื่อหลีกเลี่ยงข้อพิพาทการค้า ขณะที่ประเทศอื่นๆ อย่างอังกฤษและญี่ปุ่นก็กำลังพยายามหาทางออกผ่านข้อตกลงการค้าเสรี

 

อนาคตของการค้าโลกภายใต้ทรัมป์ 2.0

การกลับมาของทรัมป์ทำให้แนวโน้มการค้าโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หลายประเทศต้องเผชิญกับภาษีที่เพิ่มขึ้น และอาจต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการค้าของตนเองเพื่อรับมือกับสหรัฐฯ

แม้ทรัมป์จะอ้างว่ามาตรการภาษีเหล่านี้จะช่วยปกป้องอุตสาหกรรมและแรงงานอเมริกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสงครามภาษีที่เกิดขึ้นกำลังกระทบเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง และอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่กำหนดทิศทางของการค้าระหว่างประเทศในอนาคต

 

อ้างอิง: BBC, Whitehouse, Reuters, PIIE