ส่องแผนกระตุ้นศก. เพื่อนบ้าน เวียดนาม-ฟิลิปปินส์-มาเลเซีย แซงไทยต่อเนื่อง

18 ก.พ. 2568 | 13:59 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.พ. 2568 | 14:01 น.
525

เศรษฐกิจไทยโต 2.5% แต่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ขยายตัวสูงกว่าที่ 5-6% เจาะลึกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568

ในขณะที่เศรษฐกิจไทยในปี 2567 เติบโตเพียง 2.5% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาค แต่ในทางกลับกัน ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย มีตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าประเทศไทย โดยเวียดนามโต 6.4% ฟิลิปปินส์ 6.0% และมาเลเซีย 5.0%

 

เวียดนามเร่งเครื่องภาคการผลิต-การค้า ดึง FDI สู่เศรษฐกิจ

เวียดนาม ยังคงรักษาสถานะเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในอาเซียน โดยปัจจัยสำคัญที่หนุนให้เศรษฐกิจโตถึง 6.4% ในปี 2567 มาจากการฟื้นตัวของภาค การผลิตและการส่งออก ที่ได้รับแรงหนุนจากตลาดหลักอย่าง สหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงการ เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติ

รัฐบาลเวียดนามยังคงใช้ นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน รวมถึง ลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น สิ่งนี้ทำให้ภาคธุรกิจขยายตัวเร็ว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม เทคโนโลยีและการผลิตอิเล็กทรอนิกส์

สำหรับปี 2568 เวียดนามตั้งเป้าการเติบโตสูงถึง 8-10% โดยมุ่งเน้นไปที่ การปฏิรูปกฎระเบียบและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ให้เอื้อต่อการลงทุนจากต่างชาติ พร้อมกับเดินหน้าผลักดัน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม

ฟิลิปปินส์ใช้จ่ายภาครัฐขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อมลดดอกเบี้ยกระตุ้นตลาด

ฟิลิปปินส์ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตแรงที่ 6.0% ในปี 2567 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจาก การใช้จ่ายภาครัฐ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งช่วยกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ ก็มีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปี 2568 เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ

อีกปัจจัยที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์คือ การบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง จากกำลังซื้อของชนชั้นกลางที่ขยายตัว นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ผ่านโครงการ "Build, Build, Build" เพื่อพัฒนาเมืองและระบบขนส่งทั่วประเทศ

ในปี 2568 ฟิลิปปินส์ตั้งเป้าให้เศรษฐกิจขยายตัว 6.3% โดยยังคงเน้นนโยบายการใช้จ่ายภาครัฐควบคู่ไปกับ การลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นสินเชื่อและการลงทุนภาคเอกชน

 

มาเลเซียผลักดันการลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน และการส่งออก

มาเลเซีย แม้จะเติบโตต่ำกว่าเวียดนามและฟิลิปปินส์ แต่ก็ยังอยู่ที่ 5.0% ซึ่งสูงกว่าไทย สาเหตุหลักที่ทำให้เศรษฐกิจของมาเลเซียขยายตัวมาจาก การส่งออกที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงการ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อย่างต่อเนื่อง

ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 รัฐบาลมาเลเซียเร่งการใช้จ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคม และ โครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ทำให้ภาคการก่อสร้างขยายตัวสูง และช่วยให้เศรษฐกิจโดยรวมยังคงเติบโตต่อเนื่อง

สำหรับปี 2568 มาเลเซียคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 4.6% โดยเน้นการ เพิ่มเม็ดเงินลงทุนภาครัฐ และ ส่งเสริมภาคส่งออก ให้มีศักยภาพมากขึ้น

เมื่อมองย้อนกลับมา ประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างเห็นได้ชัด อาจหมายถึงนโยบายเศรษฐกิจของไทยอาจต้องมีการปรับเปลี่ยน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในระดับภูมิภาค

สิ่งที่เห็นได้ชัดจาก เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย คือ...

  • การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว
  • การส่งเสริมภาคส่งออกและอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง
  • การใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ
  • การผ่อนคลายนโยบายการเงิน เช่น การลดดอกเบี้ย เพื่อส่งเสริมการลงทุน

ในขณะที่ไทยกำลังเผชิญกับปัญหาการเติบโตที่ต่ำ หากไม่เร่งปรับตัวและปรับนโยบายเศรษฐกิจให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ก็อาจทำให้ไทยตามหลังเพื่อนบ้านไปอีกไกล

ในปีหน้า เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ยังคงเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจด้วย การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ และการลดดอกเบี้ย ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยให้ประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้เติบโตได้ดีกว่าไทย