จับตาจีนอัดฉีดงบครั้งใหญ่ รับมือศึกเศรษฐกิจ “ทรัมป์” หวนคืนผู้นำสหรัฐ

07 พ.ย. 2567 | 11:30 น.
อัปเดตล่าสุด :07 พ.ย. 2567 | 11:48 น.

จับตาผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 กระทบเศรษฐกิจและการค้ากับจีน เตรียมอัดงบมหาศาล 10 ล้านล้านหยวน กระตุ้นเศรษฐกิจต้านภัยภาษี รับมือ “โดนัลด์ ทรัมป์” กลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ

ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ไม่เพียงแต่จะกำหนดอนาคตของสหรัฐฯ เอง แต่ยังส่งผลสำคัญต่อเส้นทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนด้วย สาเหตุหลักมาจากการที่ประธานาธิบดีคนล่าสุด "โดนัลด์ ทรัมป์" ผู้เป็นหนึ่งในตัวเก็งสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งได้ประกาศชัยชนะไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ประกาศเจตนารมณ์ว่าจะใช้นโยบายการค้ากับจีนที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้จีนต้องรีบเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสิบปีเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง

สื่อต่างประเทศรอยเตอร์สอ้างอิงแหล่งข่าววงใน รายงานว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ 4-8 พฤศจิกายนนี้ สภาประชาชนจีน (NPCSC) เล็งพิจารณาอนุมัติงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 10 ล้านล้านหยวน ซึ่งประกอบด้วยมาตรการออกพันธบัตรพิเศษราว 4 ล้านล้านหยวนสำหรับรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อนำไปพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ และพันธบัตรอีกส่วนหนึ่งเพื่อสนับสนุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ 

เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแนวทางของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าเข้าใหม่จากจีนถึง 60% รวมถึงการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าทั่วโลกอีก 10% ซึ่งจะทำให้จีนซึ่งกำลังประสบปัญหาการหนี้สูงและความชะลอตัวทางเศรษฐกิจในหลายภาคส่วน อาจต้องเตรียมการรับมืออย่างหนักหน่วง

จีนเคยเผชิญปัญหาคล้ายคลึงกันในปี 2551 ซึ่งส่งผลให้ต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อรองรับวิกฤตการเงินโลก ครั้งนั้นรัฐบาลจีนใช้มาตรการอย่างที่เรียกว่า "บาซูก้า" โดยอัดฉีดเงินราว 4 ล้านล้านหยวนเข้าตลาด ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตอย่างร้อนแรง แต่ก็ก่อให้เกิดปัญหาหนี้เสียพอกพูนตามมา มาตรการในครั้งนี้ของจีนจึงอาจเป็นการปรับเปลี่ยนแนวทางครั้งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทรัมป์กลับมาครองตำแหน่งซึ่งอาจสร้างปัญหาการค้ากับจีนเพิ่มขึ้น 

สำหรับสหรัฐฯ ผลการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ การประกาศจะขึ้นภาษีสินค้าจีนของทรัมป์ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน แต่ยังส่งผลกระทบต่อตลาดสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน เนื่องจากการค้าระหว่างประเทศทั้งสองมีมูลค่ามหาศาล และหลายบริษัทอเมริกันพึ่งพาวัตถุดิบและสินค้าแปรรูปจากจีนเป็นอย่างมาก

รัฐบาลจีนจึงต้องวางแผนรับมืออย่างรอบคอบ จากบทเรียนที่เคยเกิดในอดีต การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการอัดฉีดเงินลงในโครงสร้างพื้นฐานเป็นวิธีที่รัฐบาลใช้ในการเพิ่มความคล่องตัวทางเศรษฐกิจ และในครั้งนี้จีนหวังว่าจะสามารถควบคุมปัญหาหนี้และการเติบโตที่ไม่ยั่งยืนได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว จีนยังเตรียมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันระดับท้องถิ่น เพื่อให้รัฐบาลท้องถิ่นมีเงินทุนเพียงพอในการจัดการที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ หวังช่วยบรรเทาแรงกดดันจากหนี้สินและเพิ่มความคล่องตัวในการพัฒนาโครงการต่างๆ 

ความยืดหยุ่นทางการคลังที่จีนเตรียมไว้นั้นสอดคล้องกับแนวโน้มในตลาดทุนโลกที่คาดการณ์ว่าจีนอาจจะต้องประกาศแพ็คเกจขนาดใหญ่ หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเพื่อเสริมสร้างกำลังในการต่อสู้กับอุปสรรคทางการค้า อีกทั้งยังเป็นการส่งสัญญาณถึงความเข้มงวดที่มากขึ้นจากนโยบายการเงินของจีน หลังจากที่เคยพยายามหลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ฉุกเฉินจำนวนมหาศาล