จาก AI ถึงคริปโต จุดยืนของ “กมลา แฮร์ริส” ในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ

24 ก.ค. 2567 | 12:21 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ย. 2567 | 11:23 น.
2.9 k

เปิดจุดยืนของรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ "กมลา แฮร์ริส" ที่มีต่อประด็น AI ไปจนถึงคริปโตเคอร์เรนซี ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความท้าทายจากฝ่ายตรงข้าม

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถอนตัวจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยยอมรับเสียงเรียกร้องที่ดังขึ้นเรื่อยๆ จากพรรคของเขาเองให้ก้าวลงจากตำแหน่งและเปิดทางให้กับคนหน้าใหม่ของพรรคเดโมแครตเข้ามาโดยเฉพาะ "กมลา แฮร์ริส" รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้แทนพรรคเดโมแครตส่วนใหญ่แล้ว และเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต แต่แคมเปญหาเสียงของเธอเพิ่งจะผ่านไปได้ 2 วัน อาจยังไม่มีใครรู้ว่าเธอจะเน้นจุดยืนใด หรือเธอจะบริหารประเทศอย่างไร หากเธอสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนที่ได้ 

กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าว สุนทรพจน์ในงานหาเสียงที่เมืองเวสต์อัลลิส รัฐวิสคอนซิน เครดิตภาพ : reuters

เธอได้รับการสนับสนุนจากบุคคลสำคัญในวงการธุรกิจและการเงิน โดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยีและการเงิน ตั้งแต่ Reid Hoffman ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ LinkedIn ไปจนถึง George และ Alex Soros รวมถึง Paul Weiss นักระดมทุนคนสำคัญจาก Wall Street 

ความสัมพันธ์ระหว่าง "กมลา แฮร์ริส" กับ "Silicon Valley"

ตามรายงานของ Financial Times ประวัติการทำงานของเเฮร์ริสในฐานะอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนียระหว่างปี 2011-2017 และต่อมาในฐานะวุฒิสมาชิกระหว่างปี 2017-2021 รวมทั้งการเติบโตในโอ๊คแลนด์ ทำให้มีความสัมพันธ์อันยาวนานกับ Bay Area และ Silicon Valley ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

จุดยืนของเธอในประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมนั้นสอดคล้องกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็มีความคิดเห็นที่แข็งแกร่งของตัวเองด้วยเช่นกัน

จุดยืนสาธารณะของ "กมลา แฮร์ริส " ด้านเทคโนโลยี

AI (ปัญญาประดิษฐ์)

เทคโนโลยีนี้เป็นคลื่นการเปลี่ยนแปลงที่กำลังส่งผลกระทบต่อธุรกิจทั่วโลก ส่งผลต่อเศรษฐกิจ งานของผู้คน และแง่มุมอื่นๆ ของชีวิตประจำวัน แต่การกำกับดูแล AI ที่อาจมากเกินไปโดยพรรคเดโมแครตเป็นหนึ่งในเหตุผลที่นักลงทุนชื่อดังอย่าง Marc Andreessen และ Ben Horowitz กล่าวว่า พวกเขาสนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์

เเฮร์ริส ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลด้าน AI ของโจ ไบเดน ในปี 2023 เธอปฏิเสธแนวคิดที่ว่าต้องเลือกระหว่างการปกป้องประชาชนสหรัฐฯ จาก AI หรือการส่งเสริมนวัตกรรม โดยเรียกว่าเป็นทางเลือกที่ผิด เธอได้เตือนว่า AI อาจเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่เช่นเดียวกับซีอีโอของ OpenAI ตามรายงานของรอยเตอร์ ซึ่งยังระบุในการประชุมกับ  แซม อัลต์แมน  (Sam Altman) ของ OpenAI และ ซุนดาร์ พิชัย (Sundar Pichai) ของ Google โดยแฮร์ริสบอกพวกเขาว่ามีหน้าที่ทางศีลธรรมในการป้องกันไม่ให้ AI กลายเป็นอันตราย

แฮร์ริสร่วมการประชุม AI Safety Summit ที่ Bletchley Park เมื่อปีที่แล้ว แฮร์ริสกล่าวว่า “AI มีศักยภาพในการสร้างคุณประโยชน์อย่างลึกซึ้ง แต่ในขณะเดียวกันก็อาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงได้เช่นกัน” เธอกล่าวถึงไม่เพียงแต่ “ความเสี่ยงต่อการดำรงอยู่” ที่การ ประชุมสุดยอดดังกล่าวมุ่งเน้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอคติทางอัลกอริทึม ดีปเฟก และการตัดสินลงโทษที่ผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจาก AI อีกด้วย

เครดิตภาพ : reuters

บริษัทบิ๊กเทค

ทำไมจึงสำคัญ? บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ เช่น Apple, Microsoft และ Nvidia กำลังพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่เปลี่ยนแปลงโลกอย่างรวดเร็ว ซึ่งกำลังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบริษัทขนาดเล็กนับล้าน ผู้สร้างสรรค์รายบุคคล และผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั่วไป ภายใต้การนำของประธานาธิบดีไบเดน ประธาน FTC Lina Khan ได้ใช้จุดยืนด้านกฎระเบียบที่เข้มงวด ซึ่งสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวต่อต้านการผูกขาดของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่ทำโดยผู้กำกับดูแลของสหภาพยุโรป

โลโก้ Apple เครดิตภาพ : reuters

The New York Times ระบุว่า ในการหาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งอัยการสูงสุดและวุฒิสภา เเฮร์ริสพึ่งพาชนชั้นนำด้านเทคโนโลยีของ Silicon Valley เพื่อรับบริจาค เครือข่ายครอบครัว เพื่อน และผู้ร่วมงานทางการเมืองของเธอแผ่ขยายไปทั่วโลกเทคโนโลยี ขณะที่นักวิจารณ์และกลุ่มผู้สนับสนุนผู้บริโภคได้วิพากษ์วิจารณ์เธอ ว่าทำน้อยมากในการจำกัดอำนาจของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ตามที่ Times รายงาน

นอกจากนี้ยังมีการรายงานที่แสดงให้เห็นว่าแฮร์ริสได้วิพากษ์วิจารณ์ซีอีโอบางคนของบริษัทเทคโนโลยีและแสดงการสนับสนุนการกำกับดูแล ในระหว่างการหาเสียงประธานาธิบดีปี 2020 โดยเธอคัดค้านการแยกบริษัทขนาดใหญ่ เช่น Google และกล่าวว่าควรถูกควบคุมเพื่อให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันมั่นใจได้ว่าความเป็นส่วนตัวจะไม่ถูกละเมิด ตามที่ TechCrunch รายงาน

ผู้คนเดินอยู่ข้าง โลโก้ Googleในระหว่างงานแสดงสินค้าที่ Hannover Messe เครดิตภาพ : reuters

 TikTok

TikTok กำลังเผชิญกับการถูกแบนในสหรัฐฯ เพราะความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ เนื่องจากบริษัทแม่ถูกกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน นอกจากนี้ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์พร้อมกับแพลตฟอร์มโซเชียลอื่นๆ ว่ามีส่วนในวิกฤตสุขภาพจิตของเยาวชนระดับชาติ โดนัลด์ ทรัมป์  ได้กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า เขาได้พิจารณาการแบน TikTok ใหม่ ผู้ใช้ในสหรัฐฯ หลายล้านคนและธุรกิจขนาดเล็กหลายหมื่นรายพึ่งพาแอพนี้เพื่อสนับสนุนยอดขายของ ทำให้การแบนที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องที่มีข้อถกเถียง

หาก ByteDance เจ้าของ TikTok ไม่ยอมทำตามกฎหมายและขายแอพให้เจ้าของใหม่ แฮร์ริส กล่าวว่าสหรัฐฯ จำเป็นต้อง จัดการกับเจ้าของเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ แต่สิ่งที่สับสน คือ เธอกล่าวว่า เราไม่มีความตั้งใจที่จะแบน TikTok ตามรายงานของ TechCrunch

เครดิตภาพ : reuters

คริปโตเคอร์เรนซี

คริปโตเคอร์เรนซีและการเคลื่อนไหวของหน่วยงานรัฐบาลกลางในการควบคุมมันยังคงเป็นเรื่องที่มีข้อถกเถียง ทรัมป์ได้แสดงความคิดเห็นสนับสนุนคริปโตอย่างสม่ำเสมอและมีกำหนดจะกล่าวสุนทรพจน์ในงาน BitCoin Conference ในวันที่ 27 กรกฎาคม แง่มุมบางอย่างของเทคโนโลยี รวมถึงระบบบล็อกเชน กำลังพบการใช้งานที่เพิ่มขึ้นในระบบเทคโนโลยีขั้นสูง 

“ไม่มีใครรู้ว่าทรัมป์จะพูดอะไร ยกเว้นทรัมป์เอง เราค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะส่งข้อความเชิงบวกไปยังชุมชน Bitcoin และคิดว่านี่จะเป็นข้อความประวัติศาสตร์” แบรนดอน กรีน ผู้จัดงานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของ BTC Inc. กล่าว

เว็บไซต์ CoinTelegraph ระบุว่า เเฮร์ริสไม่เคยมีคำพูดที่แข็งแกร่งทั้งสนับสนุนหรือต่อต้านสกุลเงินดิจิทัล การทำโทเคน บล็อกเชน หรือโทเคนที่ไม่สามารถสับเปลี่ยนได้ (NFT) 
 

อ้างอิง 

Did the US steal the UK’s AI thunder?

whitehouse

ft.com