“โจ ไบเดน” ถึง “กมลา แฮร์ริส” ท้าชิงตำแหน่งผู้นำโลกกับ “โดนัลด์ ทรัมป์”

22 ก.ค. 2567 | 11:55 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ย. 2567 | 11:34 น.
867

เหลือเวลา 107 วัน หลังจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน ถอนตัวจากการชิงตำแหน่ง พร้อมเสนอชื่อ กมลา แฮร์ริส ขณะที่พรรครีพับลิกันมีมติเป็นทางการเลือก โดนัลด์ ทรัปม์ ไปแล้ว โอกาสที่แฮร์ริส จะได้เป็นตัวแทนพรรคมีมากน้อยแค่ไหน?และเมื่อได้เป็นตัวแทนพรรคจะมีโอกาสชนะทรัมป์หรือไม่?

“ทรัมป์” ขึ้นแท่นรอชิงตำแหน่ง
15-18 กรกฎาคม 2024 ที่ผ่านมีการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน และคณะผู้เลือกตั้งของพรรคมีมติให้ “โดนัลด์ ทรัมป์” เป็นตัวแทนของพรรคลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในอีก4เดือนข้างหน้า ฝั่งแดง(พรรครีพับลิกัน) ชัดเจนแล้ว และอาจจะชัดเจนไปจนถึงหลังการเลือกตั้งที่การันตีตำแหน่งประธานาธิบดีให้กับทรัมป์ด้วย หากฝั่งน้ำเงิน(พรรคเดโมแครต) ยังยืนยันที่จะให้โจ ไบเดน เป็นตัวแทนของพรรคต่อไป 

เป็นการต่อสู้ของพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในการชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ

อะไรที่ทำโอกาสของทรัมป์มีมากขึ้น

เริ่มจากดีเบตครั้งแรกของทั้งสองคนจัดโดย CNN ที่รัฐจอร์เจีย ในค่ำคืนของวันที่27มิถุนายน ตรงกับเช้าวันที่ 28มิถุนายนตามเวลาในประเทศไทย “โดนัลด์ ทรัมป์” ในฐานะผู้ท้าชิงและ “โจ ไบเดน” ในฐานะแชมป์เก่าดำรงที่ตำแหน่งประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ผู้ชมหลายคนที่เชียร์แชมป์เก่าคงจะรู้สึกไม่ต่างกัน คือเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนและลุ้นว่า ไบเดนจะสามารถจบการดีเบทครั้งนี้ได้หรือไม่ เพราะทั้งตอบไม่ตรงคำถาม คิดช้า ภาพรวมคือพูดไม่รู้เรื่อง และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชาวอเมริกันที่ภัคดีต่อพรรคเดโมแครตเริ่มไม่แน่ใจ และสะท้อนไปยังผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตหลายคนที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการให้ ไบเดนถอนตัว ทั้งอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติของพรรคเดโมแครต 24 คน ที่ลงนามในจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ไบเดนเปิดทางให้ผู้สมัครคนอื่นระบุว่าไบเดน จะ “รับใช้ชาติที่เขารักได้ดีที่สุด” ด้วยการถอนตัว 

รวมถึงจอร์จ คลูนีย์ นักแสดงฮอลลีวูด ที่เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สฉบับวันที่ 10 กรกฎาคมว่า เขาสนับสนุนเดโมแครตมาอย่างยาวนาน และร่วมจัดการระดมทุนสนับสนุนผู้สมัครเดโมแครตครั้งใหญ่ที่สุดเมื่อเดือนที่แล้วเพื่อสนับสนุนการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

ในบทความระบุว่าเขาชื่นชอบไบเดนตั้งแต่สมัยเป็นวุฒิสมาชิกและรองประธานาธิบดีพร้อมยกย่องว่า  4 ปีที่ผ่านมา ไบเดนสามารถชนะมาได้หลายสมรภูมิ แต่เขาไม่อาจเอาชนะ “กาลเวลา” และสรุปว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอายุ  ทิ้งท้ายว่า “เราจะไม่ชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนกับประธานาธิบดีคนนี้”
ไม่เพียงเท่านั้น การที่โดนัลด์ ทรัมป์ถูกลอบยิงที่รัฐเพนซิลเวเนีย ในขณะปราศรัยหาเสียงในวันที่14 กรกฎาคมที่ผ่านมา เสมือนเป็นการตอกฝาโลง ให้กับโจ ไบเดน ชาวอเมริกันที่ยังไม่ตัดสินใจจะหันไปเลือกทรัมป์ และคนที่ไม่มั่นใจกับไบเดนก็จะหันไปเลือกทรัมป์ 

แผลที่ใบหูของทรัมป์ที่ย้ำเตือนถึงวันลอบยิง ซึ่งชาวอเมริกันยังคงจะเห็นไปเรื่อยๆ จนกว่าการเลือกตั้งจะจบลง
 

การตัดสินใจถอนตัวของ โจ ไบเดน

การตัดสินใจของโจ ไบเดน ในครั้งนี้ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตมองว่านี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดท่ามกลางระยะเวลาที่เหลืออีก4เดือนกว่าๆในการหาผู้ที่เหมาะสมมาต่อสู้กับทรัมป์ แม้จะมีสุภาษิตที่กล่าวว่า “เปลี่ยนม้ากลางศึก” แต่หากม้าตัวนั้นไม่มีโอกาสที่จะนำพาชัยชนะมาให้ การเปลี่ยนตัวผู้สมัครจึงเป็นทางเลือกเดียวที่พรรคมี 


“โจ ไบเดน” ยังคงเก็บตัวเพื่อรักษาการติดเชื้อโควิดในรอบที่3 ก่อนหน้าการเดินสายหาเสียงที่ลาสเวกัสจะเกิดขึ้น และต้องยกเลิกการหาเสียงที่เหลือทั้งหมด รายงานข่าวแจ้งว่า การตัดสินใจของไบเดนในครั้งนี้ แม้แต่คนในทำเนียบขาวและทีมรณรงค์หาเสียงของไบเดนยังไม่ทราบล่วงหน้าว่า ไบเดนจะตัดสินใจถอนตัว ในรายงานระบุว่า เขารักษาตัวอยู่ที่บ้านพักในรัฐเดลาแวร์ ได้เรียกพบ สองที่ปรึกษาที่เป็นคู่คิดของเขาตั้งแต่เริ่มเล่นการเมือง คือสตีฟ ริคเชตติ กับไมค์ โดนิลอน ผู้ที่ยืนเคียงข้างเขาตั้งแต่เป็นวุฒิสมาชิกรวมไปถึงช่วงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเขา กับการสูญเสียบุตรชาย โบ ไบเดน รวมถึงยังมีจิลล์ ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลข 1 อยู่กับเขาด้วย 
 

 

ไบเดน ได้ขอให้สองที่ปรึกษาร่างจดหมายและเริ่มขั้นตอนประกาศต่อสาธารณะ แจ้งครอบครัว และเริ่มโทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่ระดับสูงในทำเนียบขาว รวมทั้งรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส  วุฒิสมาชิกชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาว่า "เขากำลังถอนตัวจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี"  

แต่ส่วนใหญ่รู้จากโพสต์ใน X (ทวิตเตอร์) ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่พอใจ ตั้งคำถามถึงการปฏิบัติต่อคน 1,300 คนที่ทำงานให้เขาในช่วงที่ผ่านมา สื่อส่วนใหญ่เชื่อว่าการตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากแรงกดดันจากผู้บริจาครายใหญ่พากันระงับการสนับสนุนเงินทุนหาเสียงให้แก่พรรคเดโมแครต และสมาชิกพรรคที่เรียกร้องให้เขาถอนตัวก็เพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน
 

ชาวอเมริกัน คิดอย่างไรเมื่อ “โจ ไบเดน” ถอนตัว 
จะเห็นได้จากภาพของผู้ชุมนุมหน้าทำเนียบขาวที่ในสถานที่ต่างๆ ออกมาขอบคุณไบเดนที่ถอนตัว แม้พวกเขาเองจะยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตในการสู้กับทรัมป์ แต่ในแถลงการณ์ของไบเดน ระบุว่าให้ชาวอเมริกันเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวของ “กมลา แฮร์รีส” ที่จะมาแทนที่เขา และยังได้กล่าวยกย่องเธอในฐานะเพื่อคู่คิดที่สุดพิเศษในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่ง ขณะที่ตัวของ “กมลา แฮร์รีส” เธอได้กล่าวว่านับเป็นเกียรติที่ได้รับการเสนอชื่อจากไบเดนและพร้อมที่จะเอาชนะในศึกครั้งนี้ พร้อมกับมีรายงานว่าเธอได้เริ่มส่งจดหมายระดมทุนแล้ว ในแถลงการณ์ของแฮร์รีส ระบุว่าเธอจะทำทุกอย่างเพื่อรวมเดโมแครตและรวมชาติให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อต่อสู้แนวคิดสุดโต่งของทรัมป์ และเหลือเวลาอีก107 วันที่จะสู้ไปด้วยกันและชนะไปด้วยกัน 

ชาวอเมริกันเขียนป้ายขอบคุณไบเดนที่ยอมถอนตัว การประท้วงของชาวอเมริกันที่ต้องการให้ ไบเดน ถอนตัว ชาวอเมริกันเขียนป้ายขอบคุณ โจ ไบเดน

กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐที่เคียงข้าง โจ ไบเดน
ทรัมป์ VS แฮร์ริส
หลังจากทรัมป์รู้ว่าคู่แข่งของเขาเปลี่ยนจากชายวัย 81 ปี เป็นหญิงอายุ 60ปี ผิวสีที่มีเชื้อสายจาเมกา-อินเดีย สำนักข่าว CNN ได้โทรไปสอบถามทรัมป์ทันที เขาระบุว่า “รองประธานาธิบดีแฮร์ริส เป็นคู่ต่อสู้ที่เอาชนะได้ง่ายกว่าไบเดนเสียอีก” ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า ไบเดนตกต่ำจนกลายเป็นประธานาธิบดีที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯจนถึงขณะนี้ หากพิจารณาถึงแนวทางการต่อสู้ของแฮร์ริสหลังจากนี้ คงจะเดินตามแนวทางของไบเดน และสานต่อนโยบายที่ดำเนินมาโดยตลอด หลังจากนี้ไปการต่อสู้ที่เหลืออีกกว่า100 วันในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯจะเริ่มขึ้นอย่างแท้จริง และโอกาสที่ทรัมป์จะกลับมาเป็นประธานาธิบดีมีสูงมากเพราะ รีพับลิกันนำหน้าเดโมแครตไปหลายก้าว และการหาเสียงของทรัมป์ก็ดึงดูดใจชาวอเมริกันสุดโต่ง สิ่งที่หลายประเทศทั่วโลกต้องจับตาดูหลังจากนี้คือใครที่จะมาเป็นผู้ท้าชิงทรัมป์ และต้องลุ้นกันแทบชนิดหยุดหายใจเพราะหากทรัมป์ชนะนโยบายของสหรัฐฯที่มีต่อโลกจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง