สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้ากรณีคนร้ายก่อ เหตุกราดยิง ในงานคอนเสิร์ตที่โครคัส ซิตี ฮอลล์ในย่านชานกรุง มอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อคืนวันศุกร์ (22 มี.ค.) ซึ่งต่อมาทาง กลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม “ไอเอส” (Islamic State: IS) ได้ออกมายอมรับเป็นผู้ก่อเหตุผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดียเทเลแกรม พร้อมเผยแพร่ภาพ 4 บุคคลที่ถูกระบุว่าเป็นมือปืน
สำนักข่าว Amaq ซึ่งเป็นสื่อของกลุ่มไอเอสเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ (23 มี.ค.) ว่า การก่อเหตุโจมตีครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทำสงครามระหว่างกลุ่มไอเอสกับประเทศที่ต่อสู้กับอิสลาม รวมทั้งรัสเซียที่สนับสนุนรัฐบาลซีเรียในการปราบปรามกลุ่มไอเอสในประเทศซีเรีย
แต่ถึงแม้กลุ่มไอเอสจะออกมาประกาศรับผิดชอบการก่อการร้ายครั้งนี้ ทางการรัสเซียก็ยังคงพยายามหาทางเชื่อมโยงเหตุการณ์ดังกล่าวกับยูเครน โดย ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ออกมาระบุว่า คนร้ายทั้ง 4 คนที่ถูกจับกุมตัวแล้วนั้น ถูกจับกุมขณะกำลังจะหลบหนีไปยังยูเครน ทั้งนี้ นอกเหนือจากบุคคลทั้ง 4 ที่ถูกระบุเป็นมือปืนกราดยิงในงานคอนเสิร์ตที่โครคัส ซิตี ฮอลล์ เมื่อคืนวันศุกร์ (22 มี.ค.) แล้ว รัสเซียยังจับกุมผู้ต้องสงสัยอีก 7 คนที่คาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง รวมจับกุมแล้วทั้งสิ้น 11 คน
คณะกรรมการสอบสวนของรัสเซียเปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างน้อย 143 คน และบาดเจ็บมากกว่าร้อยคน
ในการแถลงต่อประชาชนเมื่อวันเสาร์ (23 มี.ค.) ประธานาธิบดีปูตินไม่ได้กล่าวถึงกลุ่มไอเอสเลย แต่กล่าวถึงยูเครนว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่ผู้ก่อเหตุร้ายดังกล่าวกำลังจะหนีไป ซึ่งทางการยูเครนได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในรัสเซีย และกล่าวว่าการที่ปูตินและนักการเมืองคนอื่นๆของรัสเซีย พยายามกล่าวหาว่ายูเครนอยู่เบื้องหลังนั้น มีเหตุผลเดียวคือรัสเซียต้องการข้ออ้างที่จะบุกถล่มยูเครนมากขึ้นนั่นเอง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐอเมริกาเปิดเผยกับสำนักข่าวเอพีว่า สหรัฐยืนยันการกล่าวอ้างของกลุ่มไอเอสสาขาอัฟกานิสถานที่ออกมาประกาศเป็นผู้ก่อเหตุกราดยิงครั้งนี้ โดยฝ่ายข่าวกรองสหรัฐได้เบาะแสแผนการก่อเหตุดังกล่าวมาหลายสัปดาห์แล้ว ว่าไอเอสกำลังจะโจมตีกรุงมอสโก ซึ่งก็ได้มีการแจ้งข้อมูลดังกล่าวกับเจ้าหน้าที่รัสเซียตั้งแต่ต้นเดือนนี้แล้ว ต่อมามีข่าวว่า ผู้นำรัสเซียปฏิเสธข้อมูลที่ได้รับ ซ้ำยังกล่าวหาว่าสหรัฐกำลังพยายามสร้างสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นในรัสเซีย
ภายหลังการแถลงข่าวการจับกุม 11 ผู้ต้องสงสัยรวมทั้ง 4 บุคคลที่ถูกระบุเป็นมือปืน สื่อรัสเซียได้แพร่ภาพการจับกุมและการไต่สวน ผู้ถูกจับกุมคนหนึ่งให้ปากคำว่า เขาถูกทาบทามโดยผู้ช่วยนักบวชอิสลามให้เข้าร่วมก่อเหตุผ่านทางแอปพลิเคชันส่งข้อความ โดยได้รับค่าจ้างด้วย
นอกจากนี้ สื่อท้องถิ่นยังระบุว่า ในส่วนของมือปืน พบว่าเป็นชาวทาจิกิสถาน ประเทศในเอเชียกลางซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามและมีชายแดนติดกับอัฟกานิสถาน ข่าวระบุว่า ปัจจุบัน มีชาวทาจิกิสถานราว 1.5 ล้านคนทำงานอยู่ในรัสเซีย และบางคนก็ได้สัญชาติรัสเซียแล้ว
อเล็กซานเดอร์ เบโกลฟ ผู้ว่าการนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของรัสเซีย รองจากกรุงมอสโก ประกาศผ่านทางบัญชีเทเลแกรมของเขาเมื่อวันเสาร์ว่า นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้คุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัยหลังเกิดเหตุโจมตีของผู้ก่อการร้ายในงานคอนเสิร์ตที่โครคัส ซิตี ฮอลล์
ทั้งนี้ กิจกรรมบันเทิงและงานรื่นเริงทั้งหมด รวมถึงการแสดงในโรงละครและสถานที่อื่น ๆ ตลอดจนกิจกรรมทางวัฒนธรรมในสถานที่สาธารณะในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้ถูกยกเลิกทั้งหมดในช่วงสุดสัปดาห์นี้
นายเบโกลฟกล่าวว่า มีการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานชุมชนและสังคมของนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และสถานที่สาธารณะที่มีประชาชนไปรวมตัวกัน
นอกจากนี้ วิทยาลัยจำนวนมาก รวมถึงสถาบันวัฒนธรรมแห่งรัฐเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และมหาวิทยาลัยโปลีเทคนิคเซนต์ปีเตอร์มหาราช ได้ยกเลิกชั้นเรียนในช่วงสุดสัปดาห์ หรือเปลี่ยนไปเรียนแบบออนไลน์แทน
วันอาทิตย์นี้ (24 มี.ค.) รัฐบาลรัสเซียประกาศเป็นวันไว้ทุกข์ แสดงความอาลัยแก่ผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์รุนแรงในครั้งนี้ อาคารของทางการลดธงครึ่งเสา และจะมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ทั่วประเทศรัสเซีย