นาย ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย เปิดเผยวานนี้ (22 มี.ค.) หลังเกิดเหตุกลุ่มคนใส่ชุดพรางอย่างน้อย 5 คน ใช้ปืน กราดยิง ระหว่างการแสดงคอนเสิร์ตโดยวงดนตรีร็อครัสเซีย “Piknik” ณ Krokus City Hall ชานกรุงมอสโก หลังจากนั้นมีเสียงระเบิดและเกิดเหตุเพลิงไหม้อย่างรุนแรง
ตัวเลขทางการรัสเซียระบุมีผู้เสียชีวิตจากเหตุก่อการร้ายครั้งนี้อย่างน้อย 60 คน และผู้บาดเจ็บนับร้อยคน ภายในวันเดียวกันนั้น กลุ่มกองกำลังติดอาวุธไอซิส (ISIS) ได้ออกมาแถลงว่า เป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวแต่ไม่ได้แสดงหลักฐานใดๆ ขณะที่รัฐบาลยูเครน ก็ออกมายืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยนายมิคไคโล โพโดลยัค หนึ่งในทีมผู้ช่วยของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X ว่า “ยูเครนไม่เคยใช้วิธีการของผู้ก่อการร้าย”
อย่างไรก็ตาม นายเมดเวเดฟ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย ออกมาระบุว่า ถ้าหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากฝีมือก่อการร้ายของรัฐบาลเคียฟ เขาจะตามล่าทุกคนมารับโทษ และเคียฟจะถูกถล่มทำลายอย่างไร้ความปรานี
นอกจากนายเมดเวเดฟแล้ว ยังมีนายเซอร์เก มิโรนอฟ ผู้นำสภานิติบัญญัติรัสเซีย ที่ออกมากล่าวหาว่า ยูเครนคือผู้ก่อเหตุร้ายครั้งนี้ ขณะที่สหรัฐอเมริกาและอังกฤษเป็นผู้ปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับแผนโจมตีกรุงมอสโก
สื่อต่างประเทศรายงานว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐและอังกฤษได้ออกคำเตือนมาก่อนหน้านี้แล้ว ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุก่อการร้ายโดยกลุ่มหัวรุนแรง พุ่งเป้าโจมตีสถานที่ที่มีคนจำนวนมากในกรุงมอสโกภายในเดือนนี้ คำเตือนดังกล่าวมีการออกประกาศอย่างเปิดเผยจากทั้งสหรัฐและอังกฤษ
เจ้าหน้าของรัสเซียยังคงตามล่าหาตัวผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นการก่อเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปีของรัสเซีย แต่การออกมากล่าวหายูเครนและชาติตะวันตกอย่างทันทีทันใดของรัสเซีย ก็สร้างคำถามว่าเหมาะควรแล้วหรือไม่ และจะถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการโต้ตอบยูเครนและพันธมิตรตะวันตกให้หนักขึ้นหรือเปล่า
เดอะ นิวยอร์กไทมส์ รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ออกประกาศเตือนว่าอาจมีการก่อเหตุร้ายพุ่งเป้าแหล่งชุมนุมผู้คนจำนวนมากในกรุงมอสโก แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ก่อเหตุคือยูเครน และยังย้ำว่า ทางการสหรัฐไม่มีวันเอ่ยถึงยูเครนในฐานะผู้นิยมใช้ความรุนแรงได้เลย
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เคยรับทราบถึงคำเตือน แต่ก็ได้ปฏิเสธคำเตือนดังกล่าว โดยกล่าวหากลับไปว่า ชาติตะวันตกกำลังพยายามสร้างบรรยากาศความตึงเครียดให้เกิดขึ้นในรัสเซีย