UN เตือนวิกฤตกาซาหลังอิสราเอลยกระดับโจมตี “ไม่มีที่ไหนปลอดภัย” อีกแล้ว

10 ธ.ค. 2566 | 17:24 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ธ.ค. 2566 | 17:39 น.

อิสราเอลยกระดับการโจมตีในเขตฉนวนกาซา ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองกำลังฮามาส โดยมีการระดมโจมตีกว่า 450 จุดเมื่อวันศุกร์ (8 ธ.ค.) ทั้งทางอากาศ ภาคพื้นดิน และทางทะเล ซึ่งถือว่าเป็นการโจมตีเป้าหมายมากที่สุดนับตั้งแต่อิสราเอลและฮามาสบรรลุข้อตกลงหยุดยิงไปเมื่อสัปดาห์ก่อน

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สถานการณ์การสู้รบ ระหว่าง อิสราเอลและกลุ่มฮามาส ที่กำลังดำเนินอยู่นี้ ทำให้ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประกาศว่า ไม่มีการคุ้มครองพลเรือนผู้บริสุทธิ์ในกาซาอีกแล้ว และไม่มีที่ไหนในกาซากล่าวได้ว่า “ปลอดภัย” อีกต่อไป

การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) มีกำหนดการลงมติเรียกร้องให้มีการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมที่นั่น อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นสมาชิกของ UNSC ได้วีโต้ข้อเรียกร้องของ UNSC ที่ให้มีการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาสในทันที ซึ่งผลที่ตามมาหลังจากนั้น คือ อิสราเอลยังคงระดมโจมตีเขตฉนวนกาซาอย่างหนักหน่วง การสู้รบทวีความรุนแรงมากขึ้น และยอดผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์ก็เพิ่มขึ้น โดยอิสราเอลโจมตีกาซาจากเหนือจรดใต้ เพื่อหวังชัยชนะในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาสที่ยืดเยื้อมานาน 2 เดือนแล้ว

รัฐบาลวอชิงตันกล่าวว่า การโจมตีของอิสราเอลได้เปลี่ยนแปลงแนวทางไปจากที่เคยให้สัญญาไว้ว่าจะปกป้องพลเรือนผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่ฉนวนกาซาให้มากกว่านี้

อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็น)

"มันเป็นฝันร้ายด้านมนุษยธรรม ไม่มีที่ใดในฉนวนกาซาที่ปลอดภัยสำหรับพลเรือนอีกแล้ว"

การวีโต้ของสหรัฐ ทำให้สหรัฐถูกโดดเดี่ยวทางการทูตใน UNSC ที่มีสมาชิก 15 ประเทศ โดยสมาชิก 13 ประเทศลงมติเห็นชอบร่างมติที่เสนอโดยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขณะที่สหรัฐคัดค้าน และอังกฤษงดออกเสียง

นายโรเบิร์ต วูด รองเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติกล่าวต่อที่ประชุม UNSC ว่า จุดยืนของสหรัฐคือ "เราไม่สนับสนุนข้อเรียกร้องให้หยุดยิงที่ไม่มีความยั่งยืน และจะนำไปสู่การทำสงครามอีกครั้ง"

ทั้งนี้ สหรัฐและอิสราเอลคัดค้านการหยุดยิง โดยระบุว่า การหยุดยิงจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มฮามาสเท่านั้น ขณะที่อิสราเอลยืนกรานเป้าหมายว่า จะทำลายล้างกลุ่มฮามาสเพื่อตอบโต้ต่อการที่กลุ่มติดอาวุธดังกล่าวบุกโจมตีพลเรือนอิสราเอลอย่างโหดเหี้ยมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา คร่าชีวิตชาวอิสราเอล 1,200 คน และจับผู้คน 240 ชีวิตเป็นตัวประกัน

วิกฤตขาดแคลนอาหารในฉนวนกาซา

ยูเอ็นเตือนว่า ครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดในเขตฉนวนกาซาเริ่มมีปัญหาขาดแคลนอาหารแล้ว โดยขณะนี้ ชาวกาซาส่วนใหญ่ซึ่งเป็นชาวปาเลสไตน์ได้กลายเป็นคนพลัดถิ่นจากภาวะสงคราม และพวกเขาก็ไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้ ขณะที่ระบบสาธารณสุขตึงมือ โรงพยาบาลมีผู้ป่วย-ผู้บาดเจ็บล้น และอาหารก็กำลังร่อยหรอ “กาซากำลังใกล้จะล่มสลายเต็มทีแล้ว และความสามารถที่จะปกป้องพลเรือนในกาซาก็กำลังลดถดถอยอย่างรวดเร็ว” รายงานของยูเอ็นระบุ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เมื่อวันศุกร์ (8 ธ.ค.) ยังกระจุกตัวอยู่ที่เมืองคานยูนิส ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา นอกจากนี้ ค่ายผู้อพยพในตอนกลางของกาซาซิตี้ ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ก็ยังเป็นเป้าหมายถูกโจมตีด้วย

อิสราเอลยกระดับการโจมตีในเขตฉนวนกาซา ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองกำลังฮามาส โดยมีการระดมโจมตีหลายร้อยจุด

มีผู้เสียชีวิต 350 คนจากการโจมตีเมื่อวันพฤหัสฯ (7 ธ.ค.) ทำให้ยอดเสียชีวิตรวมในกาซา ณ วันศุกร์เพิ่มขึ้นเป็น 17,487 คน

กระทรวงสาธารณสุขในการบริหารของกลุ่มฮามาส เปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิต 350 คนจากการโจมตีเมื่อวันพฤหัสฯ (7 ธ.ค.) ทำให้ยอดเสียชีวิตรวมในกาซา ณ วันศุกร์เพิ่มขึ้นเป็น 17,487 คน และคาดว่าจะมีผู้สูญหายหรือถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังจากการโจมตีนับพันชีวิต

ขณะเดียวกัน กองทัพอิสราเอลเปิดเผยข้อมูลว่า มีทหารอิสราเอลเสียชีวิต 94 นายในการต่อสู้ที่กาซา ตั้งแต่การโจมตีภาคพื้นดินเริ่มเปิดฉากเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า อิสราเอลจำเป็นจะต้องดำเนินการใดๆก็ตาม เพื่อปกป้องพลเรือนในสมรภูมิฉนวนกาซา ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่การโจมตีของฮามาสเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และถูกตอบโต้อย่างไม่ลดละโดยกองทัพอิสราเอล ผลก็คือประชาชนกว่า 2.3 ล้านคนในเขตฉนวนกาซา ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น และหลายคนต้องหนีจากสงครามไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างอียิปต์ โดยมีเพียงข้าวของส่วนตัวน้อยนิดที่หยิบติดมือมาได้ ขณะที่การสู้รบได้เริ่มขยายวงจากตอนเหนือลงมาทางใต้กินพื้นที่ไปเกือบครึ่งหนึ่งของฉนวนกาซาแล้ว ทำให้ประชาชนในเขตกาซาแทบจะหมดทางหนี ไม่มีที่ใดในกาซาให้อพยพไปหลบภัยสงครามได้อย่างปลอดภัยอีกแล้ว

นายโธมัส ไวท์ ผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติ (UNRWA) โพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ X (ทวิตเตอร์เดิม) ว่า ความสงบเรียบร้อยในสังคมกำลังล่มสลายในกาซา ท้องถนนเต็มไปด้วยความวุ่นวาย โดยเฉพาะในช่วงค่ำคืน รถขนส่งความช่วยเหลือถูกดักปล้นและพาหนะของยูเอ็นถูกขว้างปาด้วยก้อนหิน

นายมาห์มูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ กล่าวกับรอยเตอร์ที่เขตเวสต์แบงค์ เมื่อวันศุกร์ (8 ธ.ค.) ว่า การประชุมด้านสันติภาพระหว่างประเทศ คือสิ่งจำเป็นในการยุติสงครามในกาซา และเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาทางการเมืองอย่างยั่งยืนซึ่งอาจนำไปสู่การจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ขึ้นมา

พ.ท.ริชาร์ด เฮชท์ โฆษกกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) กล่าวว่า อิสราเอลจะยังเดินหน้าโจมตีทางอากาศในเขตฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อปราบปรามกลุ่มฮามาสและเพื่อนำตัวประกันชาวอิสราเอลกลับบ้านให้ได้ แม้จะยอมรับว่า การมีรายงานข่าวเรื่องพลเรือนในเขตฉนวนกาซาเสียชีวิตจากเหตุโจมตีของอิสราเอล นับเป็นเรื่องน่าเจ็บปวด แต่อิสราเอลไม่มีทางเลือกอื่น และยังย้ำว่า ที่ผ่านมา อิสราเอลใช้ความระมัดระวังอย่างมากแล้ว ในการเลือกโจมตีเฉพาะที่มั่นของกลุ่มฮามาส

สหรัฐและอิสราเอลคัดค้านการหยุดยิง โดยระบุว่า การหยุดยิงจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มฮามาสเท่านั้น

สื่อยังระบุว่า กองทัพอิสราเอลได้โพสต์คลิปทางสื่อออนไลน์ แสดงภาพนายเฮอร์ซี ฮาเลวี ประธานคณะเสนาธิการของกองทัพ กำลังกำชับทหารอิสราเอลให้เดินหน้าปราบปรามกลุ่มฮามาส “หนักยิ่งขึ้น” หลังจากเห็นว่า กลุ่มฮามาสได้ทยอยออกมามอบตัว ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งชี้ว่า กลุ่มฮามาสใกล้จะล่มสลายลงทุกขณะ

ขณะเดียวกัน สุดสัปดาห์นี้ รัฐบาลสหรัฐ โดยคำสั่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ประกาศใช้กฎหมายฉุกเฉินโดยไม่ต้องผ่านการประชุมอนุมัติจากสภาคองเกรสสหรัฐ อนุญาตให้ขายกระสุนรถถัง 14,000 นัด มูลค่ากว่า 106 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับอิสราเอลเพื่อใช้ในการสงคราม