นายกฯ เยือนจีน พบสี จิ้นผิง-ประชุมเวที Belt and Road Forum 16-19 ต.ค.นี้

13 ต.ค. 2566 | 14:51 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ต.ค. 2566 | 15:13 น.

นายกรัฐมนตรี มีกำหนดนำคณะเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของนายหลี่ เฉียง นายกฯจีน 16-19 ตุลาคมนี้  โดยนายกฯจะเข้าเยี่ยมคารวะปธน.สี จิ้นผิง และเข้าร่วมการประชุมเวที Belt and Road Forum (BRF) เพื่อแสวงหาโอกาสเพิ่มการค้า-การลงทุนระหว่างกัน

 

กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เปิดเผยวันนี้ (13 ต.ค.) ว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 16-19 ตุลาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเข้าร่วม การประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation: BRF) ครั้งที่ 3 ตามคำเชิญของ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ในการประชุม BRF ครั้งที่ 3 นายกรัฐมนตรีจะร่วมกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมระดับสูงหัวข้อ “เส้นทางสายไหมสีเขียวเพื่อการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ” ซึ่งเน้นความร่วมมือด้านเศรษฐกิจสีเขียวและการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วย

สำหรับกิจกรรมระหว่างการเยือนทางการนั้น นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเข้าเยี่ยมคารวะนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และพบหารือทวิภาคีกับนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาชนจีน และนายจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน

รวมทั้งจะได้มีกิจกรรมพบหารือกับภาคเอกชนของจีนเพื่อหารือการกระชับความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกัน

นอกจากนี้ ผู้แทนภาคเอกชนของไทย จะได้ร่วมเดินทางเยือนจีนในครั้งนี้ด้วย เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมหารือการขยายโอกาสทางการค้าการลงทุนไทย - จีน ตลอดจนร่วมงานส่งเสริมการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสนี้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์และแนวนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย

การเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง (ไม่นับรวมการเยือนเขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา) ถือเป็นโอกาสในการกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างไทย - จีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เสริมสร้างความร่วมมือที่ใกล้ชิดในสาขาต่าง ๆ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน ความเชื่อมโยง และความสัมพันธ์ระดับประชาชน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและความกินดีอยู่ดีของประชาชนทั้งสองประเทศ