หุ้น NETFLIX พุ่งแรงหลังยอดสมาชิกสูงเกินคาด แต่ทำไม CEO ยังไขก๊อก

20 ม.ค. 2566 | 16:37 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ม.ค. 2566 | 17:59 น.

'รีด แฮสติ้งส์' ผู้ก่อตั้้งและซีอีโอบริษัท 'เน็ตฟลิกซ์' ประกาศเตรียมลาออก ขณะราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์พุ่งขึ้น 7% หลังจำนวนสมาชิกที่มาพร้อมกับแพ็คเกจราคาถูกเพิ่มสูงเกินคาด

 

ราคาหุ้น ของ เน็ตฟลิกซ์ (NETFLIX) ผู้ให้ บริการสตรีมมิงคอนเทนท์ความบันเทิง ดีดตัวขึ้น 7% วานนี้ (19 ม.ค.)หลังยอดจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นเกินคาด แต่ข่าวดีดังกล่าวถูกสกัดโดย "ความไม่แน่นอน" ที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับในวันเดียวกัน เมื่อนายรีด แฮสติ้งส์ ผู้ก่อตั้งเน็ตฟลิกซ์ เจ้าของวาทะ "กฎของที่นี่คือไม่มีกฎ" ที่โด่งดัง ประกาศพร้อมลาออกจากตำแหน่ง CEO (แต่ยังคงเป็นประธานกรรมการบริษัท)

ฝ่ามรสุมธุรกิจสตรีมมิงปี 65

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า การพลิกฟื้นสถานการณ์ทางการเงินของเน็ตฟลิกซ์เกิดขึ้นท่ามกลางสภาพโดยรวมของธุรกิจบริการสตรีมมิงในสหรัฐที่กำลังซบเซาเนื่องจากเศรษฐกิจฝืดเคือง ทำให้ผู้บริโภคลดและชะลอการจับจ่ายใช้สอย

แต่สิ่งนั้นไม่เกิดกับเน็ตฟลิกซ์ เมื่อบริษัทนำเสนอแพคเกจความบันเทิงในราคาที่ถูกลง ทำให้บริษัทสามารถเพิ่มสมาชิกใหม่มากกว่า 7 ล้านราย ซึ่งสูงเกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้มาก

 

รีด แฮสติ้งส์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอร่วมเน็ตฟลิกซ์

นอกจากนี้ เนื้อหารายการของเน็ตฟลิกซ์ก็ยังมีส่วนช่วยให้สถานการณ์ของบริษัทดีขึ้น เช่นสารคดีเปิดเผยเบื้องหลังการออกจากราชวงศ์ของเจ้าชายแฮร์รีและพระชายาเมแกน ซีรีส์ชุดใหม่ " Addams Family" และภาพยนตร์ Glass Onion

"2565 เป็นปีที่ยากลำบาก เราเริ่มต้นปีแบบขลุกขลัก แต่ปิดท้ายปีด้วยภาพรวมที่สดใสขึ้นมาก" 

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า แฮสติ้งส์ ผู้ก่อตั้้งเน็ตฟลิกซ์ ประกาศเตรียมลาออกผ่านทางบล็อกส่วนตัวเมื่อวันพฤหัสบดี(19ม.ค.) เนื้อหาว่า เขากำลังจะลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท และทางคณะกรรมการบริหารบริษัทก็ได้หารือเรื่องการวางแผนสืบทอดตำแหน่งมาหลายปีแล้ว โดยในกระบวนการสรรหาผู้สืบทอดตำแหน่งซีอีโอนั้นจะมีนายเท็ด ซารานดอส และเกร็ก ปีเตอร์ส์ ซึ่งเป็น "ซีอีโอร่วม" เข้ามารับผิดชอบแทนหน้าที่ของแฮสติ้งส์

การวางมือจากตำแหน่งของแฮสติ้งส์เกิดขึ้นในบริบทที่ตลาดมีการแข่งขันอย่างสูง ทั้งยังมีความท้าทายอีกมากรออยู่ แต่แฮสติ้งส์ก็สร้างฐานสมาชิกให้ผู้สืบทอดตำแหน่งไว้ถึง 231 ล้านคนแล้ว

ขณะเดียวกัน ผู้สืบทอดอำนาจทั้งสองคนก็เป็นผู้ที่เขามีความไว้วางใจ และทำงานมาด้วยกันอย่างใกล้ชิด โดยหนึ่งในนั้นเป็นผู้ที่เขาเลือกมากับมือให้เป็น "ซีอีโอร่วม"   

เน็ตฟลิกซ์กำลังเผชิญความไม่แน่นอนในปีนี้

เปลี่ยนขุนพลกลางศึก เบื้องหน้ากลายเป็นความไม่แน่นอน
แฮสติ้งส์ก่อตั้งเน็ตฟลิกซ์ในปี 2540 เขาถือเป็นผู้ที่บุกเบิกและเปลี่ยนวิธีการดูภาพยนตร์และรายการทีวีของครอบครัวจำนวนมาก บริษัทเริ่มต้นด้วยธุรกิจดีวีดีทางไปรษณีย์ ก่อนจะมาเป็นการบริการวิดีโอสตรีมมิ่ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่ผ่านมา (2565) ราคาหุ้นและชื่อเสียงของเน็ตฟลิกซ์ได้รับผลกระทบหลังจากบริษัทสูญเสียสมาชิกท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด ส่งผลให้เน็ตฟลิกซ์ต้องปรับตัวด้วยการออกแพ็กเกจราคาถูกที่มีโฆษณาเป็นครั้งแรก จนสามารถพลิกสถานการณ์จนมีจำนวนสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 7.6 ล้านรายในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีที่ 2565 เป็นยอดที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 4.5 ล้านราย และบริษัทมีสมาชิกทั่วโลกจำนวนกว่า 230 ล้านรายแล้วในขณะนี้

นักวิเคราะห์มองว่า การวางมือจากการบริหารอย่างกะทันหันของแฮสติ้งส์ทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกลยุทธ์ในอนาคตภายภาคหน้าของเน็ตฟลิกซ์ 

เอลิเซีย รีซ นักวิเคราะห์จากเว็ดบุช ซีเคียวริตีส์ ให้ความเห็นว่า 2 จุดแข็งที่ยังทำให้เน็ตฟลิกซ์ดึงดูดใจสมาชิกเอาไว้ได้ คือรายการยอดนิยมของเน็ตฟลิกซ์ และมีการนำเสนอแพคเกจราคาประหยัดแบบมีโฆษณาให้กับสมาชิกที่ต้องการจะยกเลิกหรือยุติสมาชิกภาพเป็นการชั่วคราว ทั้งสองสิ่งนี้ทำให้สมาชิกไม่หนีหายไปจากเน็ตฟลิกซ์

ในแง่ผลประกอบการ ณ ไตรมาส 4 ของปี 2565 เน็ตฟลิกซ์มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 7,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่กำไรยังคงต่ำกว่าที่เคยทำได้ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และกำไรตลอดทั้งปีที่ผ่านมาก็ยังคงต่ำกว่ากำไรในปี 2564 แต่หากจะเทียบกับคู่แข่งก็ถือว่ากำไรของเน็ตฟลิกซ์ในปี 2565 ยังสูงกว่าคู่แข่ง

ต้นปีร้าย ท้ายปียิ้มได้ แต่อนาคต...ยังไม่แน่นอน

ต้นปี 2565 เน็ตฟลิกซ์เจอศึกหนักทำให้ยอดสมาชิกหล่นฮวบ เหตุจากการแข่งขันที่ดุเดือดโดยผู้เล่นในสนามซึ่งคู่แข่งของเน็ตฟลิกซ์ได้แก่ แอมะซอน เอชบีโอ แอปเปิลทีวี และดิสนีย์

เน็ตฟลิกซ์ถูกบีบให้แก้เกมเพื่อความอยู่รอดด้วยการลดจำนวนพนักงาน แถมยังจำยอมต้องปรับขึ้นราคากับสมาชิกเพื่อนำรายได้ที่เพิ่มมาไปจุนเจือค่าใช้จ่าย แต่ผลลัพธ์ก็คือ การขึ้นราคาทำให้สมาชิกบอกลา ทำให้เน็ตฟลิกซ์สูญเสียสมาชิกจำนวนมากในช่วงครึ่งปีแรก 

ในเดือนพ.ย.2565 เน็ตฟลิกซ์แก้มือด้วยการนำเสนอทางเลือกที่ราคาถูกลงนั่นคือแพ็คเกจราคาถูกที่มีโฆษณาพ่วงมาด้วยใน 12 ประเทศเป้าหมาย ประกอบด้วยประเทศยุโรปส่วนใหญ่ อังกฤษ และสหรัฐ พร้อมทั้งส่งสัญญาณให้สมาชิกรู้ว่า ในอนาคตบริษัทจะเข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวสมาชิกที่ละเมิดกฎเกณฑ์ห้ามแบ่งปันรหัสผ่านสำหรับเข้าใช้บริการ ซึ่งก็นับว่าได้ผล เพราะหลังจากนั้น บริษัทก็มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นอีกมากกว่า 200 ล้านคน 

แต่ปีนี้ (2566) จะเป็นปีแห่งความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับเน็ตฟลิกซ์ เพราะคาดว่าตลาดโฆษณาจะชะลอตัวอย่างชัดเจน ดังนั้น นอกจากจะต้องเผชิญคลื่นลมแรงแล้ว "ความไม่แน่นอน" จะเป็นสิ่งแน่นอนที่เน็ตฟลิกซ์ต้องพบเจอ