โลกอาลัย ‘เปเล่’ ราชาลูกหนังชาวบราซิล มะเร็งคร่าชีวิตในวัย 82 ปี

30 ธ.ค. 2565 | 05:53 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ธ.ค. 2565 | 13:31 น.
1.1 k

บรรดานักเตะชื่อดังและแฟนบอลทั่วโลก ร่วมอาลัยต่อการจากไปของ ‘เปเล่’ ตำนานลูกหนังทีมชาติบราซิล ที่เสียชีวิตอย่างสงบวานนี้ (29 ธ.ค.) ด้วยวัย 82 ปี

 

‘เปเล่’ ตำนานลูกหนังชาวบราซิล หรือในชื่อจริง 'เอดซง อารังชีส ดู นาซีเมงตู' เจ้าของฉายา “ไข่มุกดำ” เสียชีวิตอย่างสงบวานนี้ (29 ธ.ค.) หลังต่อสู้กับ โรคมะเร็งลำไส้ รวมทั้งโรคอื่นๆที่รุมเร้ามายาวนาน สิริอายุ 82 ปี

 

แถลงการณ์ของโรงพยาบาลอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ในเมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล ที่ซึ่งเปเล่เข้ารับการรักษา ระบุว่า ราชาลูกหนังอันเป็นตำนานที่เกรียงไกรของวงการฟุตบอลโลก เสียชีวิตเมื่อเวลา 15.27 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ของวันพฤหัสบดี (29 ธ.ค.) ด้วยอาการอวัยวะต่างๆในร่างกายทำงานล้มเหลวซึ่งเป็นผลของโรคมะเร็งลำไส้และโรคอื่นๆที่เขาเป็นอยู่

 

เปเล่กับสไตล์การยิงประตูที่โลกจดจำ

 

นับเป็นการจากไปของราชาลูกหนังที่เป็นผู้เดียวที่สามารถนำทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์บอลโลกถึง 3 สมัย อินสตาแกรมของเปเล่ขึ้นข้อความเมื่อวานนี้ (29 ธ.ค.) ว่า “แรงบันดาลใจและความรักเป็นที่ประจักษ์ในเส้นทางชีวิตของราชันเปเล่ ผู้ซึ่งจากไปแล้วอย่างสงบในวันนี้”  

 

ในวันเดียวกัน บรรดานักเตะชื่อดังระดับโลกพากันโพสต์ข้อความบนสื่อโซเชียลร่วมแสดงความอาลัยต่อการจากไปของเปเล่ ไม่ว่าจะเป็น ‘ เนย์มาร์’ กองหน้าทีมชาติบราซิล โพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว ระบุข้อความ “ก่อนหน้ายุคของเปเล่ เบอร์ 10 มันเป็นแค่ตัวเลข ผมได้เห็นประโยคนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่ประโยคนี้มันยังไม่สมบูรณ์ ผมเองอยากจะบอกว่า ก่อนหน้ายุคของเปเล่ ฟุตบอลเป็นแค่กีฬาประเภทหนึ่ง แต่เปเล่เข้ามาทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เขาเปลี่ยนฟุตบอลให้กลายเป็นศิลปะ เป็นความบันเทิง”

 

“ก่อนหน้ายุคของเปเล่ เบอร์ 10 มันเป็นแค่ตัวเลข"

เนย์มาร์ยังกล่าวด้วยว่า เปเล่เป็นผู้มีชื่อเสียงที่ได้รับการสรรเสริญทั้งในและนอกสนามการแข่งขัน “เขาเป็นกระบอกเสียงให้คนจน คนผิวสี และที่สำคัญที่สุด เขาทำให้บราซิลมีตัวตน ฟุตบอลและบราซิลมีตัวตนขึ้นมาเพราะราชันคนนี้ เขาจากไปแล้ว แต่มนตร์แข้งของเขายังคงอยู่ เปเล่เป็นอมตะ!!”

 

ด้านคริสเตียโน โรนัลโด ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกส โพสต์ข้อความไว้อาลัยเปเล่ โดยระบุว่า “ผมขอแสดงความเสียใจต่อชาวบราซิลทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวของคุณเอดซง อารังชีส ดู นาซีเมงตู (ชื่อจริงของเปเล่) การโบกมืออำลาเปเล่ ผู้เป็นราชันอมตะ มันไม่เพียงพอที่จะแสดงถึงความรู้สึกเจ็บปวดของวงการฟุตบอลทั่วโลก”

 

ขณะที่ ลีโอเนล เมสซี ดาวยิงกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 โพสต์อินสตาแกรมไว้อาลัยเปเล่เพียงสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า  “ขอให้เปเล่ ไปสู่สุคติ” เช่นเดียวกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป ยอดดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส โพสต์ในทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “ราชาลูกหนังโลกจากเราไปแล้ว แต่ชื่อเสียงของเขาจะเป็นที่จดจำไปตลอดกาล ขอให้ราชาไปสู่สุคติ” ตามด้วยอีโมจิหัวใจที่แหลกสลายและมงกุฎราชา

 

ทั้งนี้ ชื่อเสียงของ ‘เปเล่’ เกิดจากความเพียรพยายามของเขาเองโดยแท้ เขาเกิดที่เมืองเตรสโกราโซยส์ รัฐมีนัสเชไรส์ แต่ไปเติบโตที่เมืองยากจนอย่างเมืองเบารู รัฐเซาเปาโล ทำให้นอกจากการฝึกซ้อมฟุตบอลแล้ว ในเวลาว่างเปเล่ยังต้องหาเงินด้วยการรับขัดรองเท้าในละแวกบ้านและสโมสรฟุตบอลประจำเมือง ไปจนถึงสถานีรถไฟโนรีเอสเต

 

เปเล่เริ่มหัดเตะฟุตบอลโดยมีพ่อของเขาคอยสอนตั้งแต่เริ่มวิ่งได้ แต่ก็ยังคงเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะลูกฟุตบอลถือเป็นสิ่งของราคาแพงเกินกว่าครอบครัวของเขาจะหาซื้อได้ ทำให้เขาต้องใช้ถุงเท้า ผ้า หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ นำมาม้วนเป็นก้อนกลมแล้วมัดด้วยเชือกผูกรองเท้าให้แน่น เพื่อให้ใกล้เคียงลูกฟุตบอลที่สุด และเมื่ออายุได้ 6 ขวบ เขาก็ได้ลูกฟุตบอลลูกแรกจากพ่อ ซึ่งหลังจากนั้น เปเล่ก็ได้ก้าวเข้าสู่วงการลูกหนังมืออาชีพ โดยเมื่อเขาอายุ 9 ขวบ ก็ได้เข้าร่วมทีม "สโมสร 7 กันยา" ซึ่งชื่อทีมดังกล่าวสื่อถึงวันเอกราชของบราซิลอีกด้วย

 

เปเล่ในวัย 13 ปี ได้รับการชักชวนจาก วัลเดมาร์ เดอ บริโต ให้เข้าร่วมในทีมฟุตบอลสมัครเล่น แต่เขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์ประจำรัฐได้ถึง 3 ปี ติดต่อกัน เป็นการเข้าสู่เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพเต็มตัวเมื่อเขาอายุ 15 ได้รับคัดเลือกให้เข้าทีมเยาวชนของ ซานโตส (Santos Futebol Clube) หรือ Santos FC junior team ที่ทำให้เขาได้กลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพและนักเตะทีมชาติที่สร้างตำนานบทใหม่ในเวลาต่อมา

 

เปเล่เล่นให้ซานโตสฯ ในตำแหน่งกองหน้าและกองกลางตัวรุก ซึ่งในเกมแรกเขาสามารถยิงได้ถึง 4 ประตู คว้าชัยชนะไปครอง และยังเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดจนเป็นดาวยิงของลีก นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของ ราชาลูกหนังโลก เพราะเมื่อเขาอายุ 17 ปี ก็ได้เป็นตัวจริงของทีมชาติบราซิลลงสู้ศึกฟุตบอลโลกในปี 1958 ที่ประเทศสวีเดน

 

เปเล่ในวัย 17 ปีกับการเป็นนักบอลอาชีพ

 

นอกจากนี้ เขายังเป็นนักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในนัดชิงชนะเลิศและเป็นนักเตะทีมชาติอายุไม่เกิน 24 ปี ที่ยิงประตูได้ถึง 7 ประตู อีกด้วย หลังจากนั้นทำให้ชื่อของเปเล่โด่งดังไปทั่วโลกด้วยฝีเท้าอันเป็นที่ประจักษ์ และการคว้าชัยชนะให้ทีมชาติบราซิลถึง 3 สมัย

 

หากนับรวมประตูทั้งหมดที่เปเล่ยิงได้ในฐานะนักเตะสโมสรและในฐานะนักเตะทีมชาติตั้งแต่ปีค.ศ. 1957–1971 รวม 1,301 ประตู จากทั้งหมด 1,390 นัดด้วยกัน เป็นเครื่องการันตีว่าฉายา “ราชาลูกหนังโลก” ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย หลังจากนั้นในปี 1977 เปเล่เกษียณตัวเองจากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ก่อนจะเข้าสู่บทบาททางการเมือง ด้วยการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกีฬาคนแรกของบราซิลระหว่างปี 1990-1998 และหันมาช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสผ่านมูลนิธิเปเล่ในปี 2018

 

สำหรับนักฟุตบอลรุ่นหลังไม่เพียงแค่ในบราซิล แต่รวมถึงนักเตะรุ่นใหม่ทั่วโลกนั้น ยกให้เปเล่เป็นไอดอลและเป็นแรงบันดาลใจในการเล่นกีฬาและการเสียสละเพื่อทีมชาติ

 

ลาก่อน

 

ลาก่อนเปเล่ ผู้เป็นทั้งไอดอลและแรงบันดาลใจ ขอให้คุณไปสู่สุคติ พวกเราจะจดจำคุณตลอดไป