ส่องไทม์ไลน์ : จีนคลายกฎเหล็กคุมเข้มโควิดก่อนถึงวันเปิดประเทศ

07 ธ.ค. 2565 | 08:08 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ธ.ค. 2565 | 15:08 น.

ทางการจีนเตรียมประกาศ 10 มาตรการใหม่สำหรับคุมโควิด-19 ในวันพุธนี้ (7 ธ.ค.) ซึ่งอาจนำไปสู่การยุตินโยบาย Zero Covid และการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ เรามาย้อนดูไทม์ไลน์พัฒนาการในเรื่องนี้กัน

ตั้งแต่วันอังคารเป็นต้นมา (6 ธ.ค.2565) ทางการจีน ได้ ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 โดยอนุญาตชาวกรุงปักกิ่งเมืองหลวงของจีน ให้เข้าถึงสวนสาธารณะ ซูเปอร์มาร์เก็ต อาคารสำนักงาน และสนามบิน ได้โดยไม่ต้องแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบ ทั้งยังมีรายงานข่าวว่าวันนี้ (7 ธ.ค.) จีนจะประกาศ 10 มาตรการใหม่เกี่ยวกับการสกัดกั้นการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่อนคลายลง หลังจากที่ประชาชนลุกฮือขึ้นประท้วงมาตรการควบคุมที่เข้มงวดเป็นเวลากว่าสัปดาห์

 

การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดของทางการจีนในช่วงที่ผ่านมา มีขึ้นหลังจากการประท้วงใหญ่ในหลายเมืองทั่วประเทศ ซึ่งนับเป็นอารยะขัดขืนครั้งใหญ่ที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่นับตั้งแต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ขึ้นรับตำแหน่งผู้นำประเทศเมื่อปีพ.ศ. 2555

 

ทั่วโลกกำลังจับตาว่า จีนใกล้จะยกเลิก นโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero Covid) และ เปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ แล้วหรือไม่? เรามาติดตามดู ไทม์ไลน์ กันว่า การผ่อนคลายการควบคุมการแพร่ระบาดที่อาจจะนำไปสู่การเปิดประเทศจีนอย่างเต็มที่นั้น มีลำดับความเป็นมาอย่างไรบ้าง

ส่องไทม์ไลน์การคลายมาตรการคุมเข้มโควิดของจีนก่อนถึงวันเปิดประเทศ

วันที่ 20 พ.ย. 65

เพียงวันเดียว มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่ในจีนถึง 26,824 ราย ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงระบาดหนักเมื่อเดือน เม.ย. ปีเดียวกัน นอกจากนี้ ที่กรุงปักกิ่งเมือหลวง ยังมีรายงานข่าวผู้เสียชีวิตจากโควิดรายแรกในรอบ 6 เดือน โดยเขาเป็นชายชาวปักกิ่งอายุ 87 ปี เริ่มแสดงอาการป่วยในวันศุกร์ที่ 11 พ.ย. ก่อนอาการทรุดหนักจนเสียชีวิตในวันที่ 19 พ.ย. หลังจากนั้น ในเวลาไล่เลี่ยกัน มีการยืนยันผู้เสียชีวิตจากโควิดเพิ่มอีก 2 ราย

 

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกำชับให้ประชาชนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเพื่อลดการแพร่เชื้อ ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมากในเขตเฉาหยาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในปักกิ่ง ปิดให้บริการชั่วคราว ขณะที่โรงเรียนหลายแห่งในเขตดังกล่าวกลับไปทำการเรียนการสอนทางออนไลน์ ชาวปักกิ่งจำนวนมากเร่งกักตุนอาหาร และเผชิญปัญหาเรื่องบริการจัดส่งสินค้าล่าช้า

 

วันที่ 21 พ.ย. 65

ในเมืองกว่างโจว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุดในประเทศจีน โดยคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วประเทศ (ที่มีจำนวน 24,215 ราย) เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบังคับใช้มาตรการปิดเมืองในเขตที่ใหญ่ที่สุด รวมทั้งระงับการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ และประชาชนต้องแสดงผลตรวจเป็นลบก่อนออกจากบ้าน

 

วันที่ 23 พ.ย.65

แม้จีนจะไม่ได้สั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศ และผ่อนคลายมาตรการที่เคยใช้ลงมาหลายอย่าง แต่เนื่องจากแนวโน้มการติดเชื้อใหม่ที่กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งในหลายเมือง ทำให้รัฐบาลกลางมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสั่งล็อกดาวน์พื้นที่ของตัวเอง หากว่าพบกรณีการติดเชื้อ แม้จะเจอแค่ไม่กี่รายเท่านั้น

 

นอกจากนี้ จะมีการเรียกคนจำนวนมากที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับผู้ติดเชื้อมาตรวจโควิด ใครที่ติดเชื้อก็ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน หรือไม่ก็ไปอยู่ในสถานที่กักตัวที่รัฐเป็นผู้ควบคุม  ธุรกิจและโรงเรียนในพื้นที่นั้นก็ต้องปิดทำการด้วย ยกเว้นร้านขายอาหาร มาตรการดังกล่าวจะถูกบังคับใช้ จนกว่าจะไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่อีก

 

ในวันเดียวกันนี้ คนงานในโรงงานฟ็อกซ์คอนน์ เทคโนโลยี กรุ๊ป (Foxconn Technology Group) ในเมืองเจิ้งโจว พากันหลั่งไหลออกจากหอพักในช่วงเช้าตรู่ซึ่งถือเป็นการละเมิดมาตรการกักตัว เนื่องจากพวกเขาถูกกักตัวมาตั้งแต่เดือนตุลาคม หลายคนไม่ได้รับค่าจ้างและกังวลเกี่ยวกับการระบาดที่ขยายเป็นวงกว้าง  เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การปะทะกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่มีจำนวนมากกว่า การกักตัวคนงานและการประท้วงที่ยืดเยื้อทำให้คาดว่า ยอดผลิตไอโฟนจากจีนจะขาดหายไปราว 6 ล้านเครื่อง ณ สิ้นปีนี้

 

วันที่ 24 พ.ย. 65

เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเมืองอุรุมชี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน ผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ส่วนใหญ่ถูกห้ามไม่ให้ออกจากบ้านของตัวเองภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโควิดที่บังคับใช้มาตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม พวกเขาโทษว่าข้อจำกัดของทางการกลายเป็นสิ่งกีดขวางการหนีไฟของเหยื่อไฟไหม้ครั้งนี้  

 

เหตุการณ์ดังกล่าวจุดชนวนความโกรธแค้นไม่พอใจรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่บังคับใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดอย่างเข้มงวดและเหวี่ยงแห จนสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในวงกว้าง

 

วันที่ 26 พ.ย.65

การประท้วงแสดงความไม่พอใจมาตรการของรัฐบาลประทุขึ้นในเมืองอุรุมชีและหลายเมืองใหญ่ ทั่วประเทศรวมทั้งปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ อู่ฮั่น เฉิงตู ซีอาน และนานกิง ขณะที่ทางการจีนสั่งปิดกั้นอินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวด และได้เซ็นเซอร์การพูดถึงการประท้วงในเมืองอุรุมชีด้วย

 

ผู้ประท้วงในกรุงปักกิ่งชู "กระดาษขาว" เป็นสัญลักษณ์ต่อต้านมาตรการคุมเข้มโควิดของรัฐบาล พวกเขายังขอให้ปธน.สี จิ้นผิงลาออกด้วย

 

วันที่ 28 พ.ย.65

เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่ร้อนระอุ รัฐบาลจีนได้ผ่อนคลายมาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ลงบางส่วน โดยทางการกรุงปักกิ่ง ประกาศยกเลิกการตั้งสิ่งกีดขวางทางเข้าอพาร์ทเมนท์ที่มีผู้ติดเชื้อโควิดอยู่ภายใน ส่วนเมืองกว่างโจว ประกาศงดการตรวจเชื้อโควิด-19 แบบครอบคลุมครั้งใหญ่สำหรับประชาชนในวงกว้าง ขณะที่เมืองอุรุมชี ประกาศเปิดตลาดสดและอนุญาตให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดทำการ

 

นักวิเคราะห์ระบุว่า ถึงแม้ทางการจีนจะผ่อนคลายมาตรการที่เข้มงวดลงมา แต่เชื่อว่ารัฐบาลยังไม่มีแนวโน้มที่จะยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero Covid) ในอนาคตอันใกล้

 

วันที่ 29 พ.ย.65

การประท้วงต่อต้านนโยบายควบคุมโควิดที่เข้มงวดของจีนรวมถึงการจำกัดเสรีภาพในการล็อคดาวน์ ได้แพร่กระจายไปยังเมืองต่างๆ ทั่วโลกอย่างน้อย 12 เมือง รวมทั้งลอนดอน ปารีส โตเกียว และซิดนีย์

 

ในวันเดียวกันนั้น คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนแถลงว่า จะเร่งผลักดันการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในสถานที่ต่าง ๆ เช่น สถานพยาบาล และจะสั่งการให้ผู้ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีนชี้แจงเหตุผลต่อเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ รัฐบาลจีนจะใช้ข้อมูลขนาดใหญ่หรือ Big Data ในการค้นหาผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องได้รับวัคซีน เนื่องจากทางการกำลังขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุทั่วประเทศเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด

 

ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า ยอดเสียชีวิตจากโควิดอาจพุ่งทะยาน หากทางการผ่อนคลายการควบคุมเร็วเกินไป

หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร อุปสรรคยังมีอยู่

  • จนถึงขณะนี้ จีนได้ผ่อนคลายมาตรการบางอย่างลงมาแล้ว โดยในภาพใหญ่คือ รัฐบาลกลางได้ปรับลดระยะเวลากักตัว คนที่ติดเชื้อโควิดต้องกักตัว 8 วัน ลดลงมาจากเดิมที่ต้องกักตัว 10 วัน โดยใน 8 วันที่ให้กักตัวนั้น ต้องกักตัวที่ศูนย์ของรัฐ 5 วัน และที่บ้านตัวเองต่ออีก 3 วัน นอกจากนี้ ในส่วนของการเดินทางเข้าประเทศ ทางการจีนได้อนุญาตให้คนเดินทางมาจากต่างประเทศสามารถเข้าจีนได้แล้ว แต่ผู้ที่เดินทางมาต้องตรวจโควิด 48 ชั่วโมงก่อนที่จะมาถึง

 

  • จะเห็นได้ว่า ทางการจีนได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมโควิดที่ถือว่าเข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และขยับจีนให้เข้าใกล้ความปกติหลังการระบาดใหญ่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ประชาชนบางส่วนยังมีความสับสนและกังวลเกี่ยวกับมาตรการที่ผ่อนคลายลงนี้ และมีรายงานว่า ประชาชนส่วนหนึ่งได้แห่ซื้อชุดตรวจโควิดและยาลดไข้กันเป็นจำนวนมาก จนทางการต้องออกโรงเตือนห้ามกักตุนและโก่งราคาสินค้าเหล่านี้แล้ว

 

  • ในส่วนของจีนภาพรวม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวสองรายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ ซึ่งคาดการณ์ว่า การผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ในการควบคุมโควิดอาจสร้างผลเชิงบวกต่อนักลงทุนว่า จีนซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลก จะกลับมาแข็งแกร่งและช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจโลกได้  โดยขณะนี้ ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นแล้ว 5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จากความคาดหวังเรื่องการกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนอีกครั้งหลังสถานการณ์ควบคุมโควิดคลี่คลายลง

 

  • อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังเป็น ความกังวล และเป็น ความท้าทาย สำหรับทางการจีนก็คือ ขณะที่รัฐบาลเตรียมผ่อนคลายการควบคุมโควิดครั้งล่าสุดนี้ แต่สถานการณ์จริงก็คือเมื่อวันจันทร์ (5 ธ.ค.) จีนยังพบผู้เสียชีวิตจากโควิดจำนวน 5,235 ราย ทำให้ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า ยอดเสียชีวิตอาจพุ่งเกิน 1 ล้านคนได้ หากทางการผ่อนคลายมาตรการคุมโควิดเร็วเกินไป