เวิลด์แบงก์หั่น GDP โลกเหลือ 2.9% เตือนหลายประเทศเสี่ยงศก.ถดถอย

08 มิ.ย. 2565 | 08:49 น.
อัปเดตล่าสุด :08 มิ.ย. 2565 | 16:03 น.
1.6 k

เวิลด์แบงก์หั่นคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปีนี้เหลือเพียง 2.9% จากเดิม 4.1% ที่คาดไว้ในเดือนม.ค. สาเหตุหลักเนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลกระทบเชิงลบอย่างรุนแรง เตือนหลายประเทศทั่วโลกยากที่จะเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession) รัสเซียหดหนัก -11.3%

รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (Global Economic Prospects) ของ ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (7 มิ.ย.) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลก จะพบกับภาวะชะลอตัวรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 80 ปีหลังจากที่มีการฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ในช่วงแรก ๆ

 

การฟื้นตัวในช่วงต้นที่ว่านี้ คือจีดีพีโลกที่ขยายตัวในอัตรา 5.7% ในปีที่ผ่านมา (2564) ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากภาวะดำดิ่งก่อนหน้านั้นเมื่อโรคระบาดโควิด-19 ได้อุบัติขึ้น แต่หลังจากการฟื้นตัวดังกล่าวแนวโน้มก็เริ่มเข้าสู่ขาลงอีกครั้งจากการที่รัสเซียได้เปิดปฏิบัติการบุกยูเครนในเดือนก.พ. อีกทั้งมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของบรรดาประเทศตะวันตกก็ทำให้ทั้งราคาธัญพืชและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงทะยานสูงขึ้น สิ่งที่ผู้ใช้ยวดยานพาหนะทั่วโลกกำลังเผชิญก็คือราคาน้ำมัน ณ สถานีบริการน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ

เดวิด มัลพาส ประธานธนาคารโลก

นายเดวิด มัลพาส ประธานธนาคารโลกกล่าวว่า หลายเหตุปัจจัยไม่ว่าจะเป็นสงครามในยูเครน ภาวะล็อกดาวน์ในจีนที่ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนและห่วงโซ่การผลิต อีกทั้งความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน (stagflation) ที่มีทั้งเงินเฟ้อสูง อัตราว่างงานสูง เกิดขึ้นประกอบกันขณะที่เศรษฐกิจไม่มีการขยายตัวหรือถดถอย ปัจจัยเหล่านี้จะฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และที่แย่ไปกว่านั้น คือ สำหรับหลายๆประเทศในปีนี้คงยากที่จะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย

“ภาวะสงครามกำลังซ้ำเติมความเสียหายจากผลกระทบของโควิด-19 ที่เราเผชิญอยู่แล้ว ซึ่งมันยิ่งทำให้การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกยิ่งขยายกว้าง และเดินหน้าเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น้อยมากและยืดเยื้อ ขณะที่เงินเฟ้อพุ่งขึ้น” รายงานของเวิลด์แบงก์ระบุ และว่า สถานการณ์เช่นนั้นจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบที่เป็นภัยต่อกลุ่มประเทศทั้งรายได้ต่ำและรายได้ปานกลาง คล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 ซึ่งขณะนั้นเศรษฐกิจชะงักงัน เงินเฟ้อพุ่งแรง ทำให้ราคาสินค้าปรับขึ้นทั่วหน้า ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในเกณฑ์ต่ำเป็นระยะเวลายาวนาน     

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แตกต่างคือขณะนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และสถาบันการเงินหลัก ๆยังมีสถานะที่แข็งแรง ธนาคารโลกเตือนว่า สิ่งที่รัฐบาลนานาประเทศ “ไม่ควรทำ” คือการพยายามสกัดกั้นเงินเฟ้อด้วยการควบคุมราคาและคุมเข้มหรือจำกัดการส่งออก    

รายงานฉบับนี้ยังปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐปีนี้ เหลือขยายตัวเพียง 1.2% ลดลงจากเดิมที่เคยคาดไว้ระดับ 2.5% ส่วนเศรษฐกิจจีนคาดว่าจะโตเพียง 4.3% ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ และเป็นการลดลงจากเดิม 0.8% ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศกลุ่มยูโรโซนและญี่ปุ่น คาดว่าจะโตที่อัตรา 2.5% และ 1.7% ตามลำดับ

 

สำหรับรัสเซียซึ่งกำลังถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเนื่องจากกรณีบุกรุกรานยูเครน เวิลด์แบงก์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของรัสเซียปีนี้จะหดตัวแรง คือ -11.3%