IMF หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโลกเหลือ 3.6% เซ่นวิกฤตยูเครน

20 เม.ย. 2565 | 08:51 น.
อัปเดตล่าสุด :20 เม.ย. 2565 | 16:05 น.

IMF ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งปีนี้-ปีหน้า เหลือ 3.6% ทั้งยังเตือนว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะผลักดันให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นทั่วโลก โดยเงินเฟ้อสหรัฐอเมริกาจะแตะระดับ 7.7% ในปีนี้ ขณะที่เงินเฟ้อในตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาจะพุ่งแตะ 8.7%

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของ เศรษฐกิจโลก ในปี 2565 และ 2566 โดยระบุว่า การที่ รัสเซีย ส่งกำลังทหารบุกโจมตี ยูเครน จะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจโลก และเป็นปัจจัยกดดันต่อราคา ถือความท้าทายต่อการดำเนินนโยบายอย่างมีนัยสำคัญ

 

ทั้งนี้ IMF เปิดเผย รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) วานนี้ (18 เม.ย.) โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.6% ทั้งในปี 2565 และ 2566 โดยลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนม.ค.ที่ระบุว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 4.4% ในปี 2565 และ 3.8% ในปี 2566

 

การปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกของ IMF ครั้งนี้ สอดคล้องกับการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจโลกของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ที่ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ (2565) สู่ระดับ 3.2% จากเดิมที่คาดไว้ระดับ 4.1% พร้อมประกาศตั้งกองทุน 1.7 แสนล้านดอลลาร์สำหรับปล่อยกู้ให้แก่ประเทศที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตครั้งนี้

 

อ่านเพิ่มเติม: สงครามทำพิษ เวิลด์แบงก์หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้เหลือ 3.2%

IMFคาด ผลกระทบจากสงครามจะทำให้เศรษฐกิจยูเครนหดตัวได้มากถึง 35% ในปีนี้

ขณะเดียวกัน IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจรัสเซียจะหดตัว 8.5% ในปี 2565 และ 2.3% ในปี 2566 โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐและชาติตะวันตก ขณะที่เศรษฐกิจยูเครนจะหดตัวมากถึง 35% ในปี 2565 และระบุว่าเป็นเรื่องยากที่จะให้การวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจยูเครนจากการทำสงครามกับรัสเซีย

 

"แม้สงครามยุติลงในไม่ช้า แต่การสูญเสียชีวิตของประชาชน การที่เมืองหลวงถูกทำลาย และการอพยพของพลเมือง จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของยูเครนต่อไปอีกหลายปี" รายงานของ IMF ระบุ

        

นอกจากนี้ IMF ยังเตือนว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะผลักดันให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น โดยเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาจะแตะระดับ 7.7% ในปีนี้ ขณะที่ยูโรโซนจะแตะระดับ 5.3% ส่วนเงินเฟ้อในตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาจะพุ่งแตะระดับ 8.7%